หนูน้อย 8 ขวบ ถูกฉลามกัดขาเย็บ 33 เข็ม

ภูเก็ต 2 พ.ค.- หนูน้อยลูกครึ่งไทย-ยูเครน วัย 8 ขวบ ถูกสัตว์พุ่งกัดที่ขาจนเป็นแผล เย็บไป 33 เข็ม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเผยจากลักษณะบาดแผล มั่นใจเป็น “ฉลาม” แต่ยังไม่ยืนยันเป็นชนิดใด


เหตุเกิดเมื่อวานนี้ ด.ช.ยณภัทรหรือน้องอเล็กซ์ ลูกครึ่งไทย-ยูเครน อายุ 8 ขวบ มีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณขาขวา ขณะลงเล่นน้ำบริเวณหน้าชายหาดกมลา หน้าสถานีตำรวจกมลา ถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองภูเก็ต เบื้องต้นแผลมีลักษณะเหมือนถูกสัตว์ทะเลกัด แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด ซึ่งจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบอีกครั้ง

ล่าสุดวันนี้ นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบน (อันดามัน) ตัวแทนจากประมงจังหวัดภูเก็ต และนายเดวิด มาร์ติน ชาวฝรั่งเศส ช่างภาพใต้น้ำและผู้เชี่ยวชาญฉลามกลุ่มอนุรักษ์ Oceon For All ได้มาสอบถามและดูบาดแผลของเด็กชายอเล็กซ์ และครอบครัว ซึ่งมีมารดาเป็นคนไทยและบิดาเป็นชาวยูเครน เพื่อหาทางช่วยเหลือในเรื่องการรักษา รวมถึงเพื่อหาข้อเท็จจริงว่า ถูกสัตว์ทะเลชนิดใดกัดกันแน่ เพื่อจะวางแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก


โดยน้องอเล็กซ์ เล่าให้ฟังว่า ขณะว่ายน้ำเล่น รู้สึกเจ็บที่ขา แต่ไม่รู้ว่าโดนอะไรกัด กระทั่งเห็นเป็นเงาดำๆ พุ่งเข้ามา จึงได้สู้กับมันประมาณ 1 นาที โดยใช้มือต่อยเข้าไปที่จมูกและตาของปลา รวมทั้งตีไปที่ลำตัว ตอนนั้นคิดว่าน่าจะเป็นปลาสาก เพราะฟันด้านล่างของปลาสากจะคม และตัวจะมีสีดำอยู่ใต้น้ำ ต่างจากฉลามที่มีตัวใหญ่ หากเข้ามากัดตนก็น่าจะรู้ตัวก่อน เหตุที่เชื่อว่าเป็นปลาสาก เพราะเคยเห็นและจับตัวปลาสากมาก่อน ตอนที่เอามือฟาดมันไปมีความรู้สึกว่าผิวหนังเหมือนกับปลาสากที่เคยจับ แต่ก็ไม่ชัดนัก เนื่องจากขาเจ็บมาก จึงรีบว่ายน้ำเข้าฝั่ง ก่อนที่มันจะพุ่งมาชนที่หลังของตนอีกครั้ง จึงเอามือฟาดเข้าไปจนเลือดมันออก และรีบว่ายน้ำเข้าฝั่ง เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ตอนแรกไม่มีใครเชื่อ กระทั่งเห็นเลือดที่ขา จึงรีบพาไปส่งโรงพยาบาลทำแผลเย็บไป 33 เข็ม หลังจากนี้ก็จะคงเล่นน้ำตามปกติ ไม่ได้กลัวแต่อย่างไร แต่มีโมโหบ้างที่ถูกปลากัด

ขณะที่ นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบน (อันดามัน) เผยหลังดูร่องรอยบาดแผล และจากการวินิจฉัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านปลาฉลาม ค่อนข้างมั่นใจว่า เป็นแผลจากถูกฉลามกัด ซึ่งปกติฉลามจะหากินบริเวณนี้อยู่แล้ว เบื้องต้นสงสัยฉลามอยู่ 2 ชนิด คือ ฉลามหัวบาตรหรือ Blue Shark กับฉลามครีบดำ แต่ให้น้ำหนักไปทางฉลามหัวบาตรมากกว่า ทั้งนี้ยังไม่ยืนยันว่าชนิดใดกันแน่ จึงตัดปลาสากออกไป เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่ใช่แหล่งหากินของปลาสาก

ขณะที่นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เผยจุดที่เล่นน้ำ ห่างจากชายฝั่งไปประมาณ 100 เมตร ระดับน้ำลึกประมาณ 1 เมตร หลังจากผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ยืนยันว่า ไม่ใช่ปลาสากอย่างแน่นอน แต่จะเป็นฉลาม ส่วนแนวทางการป้องกันและไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกนั้น จะมีการปักป้ายเตือนให้ระวังในการลงเล่นน้ำบริเวณดังกล่าว รวมถึงการให้ทางบีชการ์ดหรือไลฟ์การ์ดคอยกำกับดูแลการลงเล่นน้ำของนักท่องเที่ยว และคอยสังเกตบริเวณชายหาด รวมทั้งบินโดรนเพื่อตรวจสอบด้วย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้