พัทยา 30 เม.ย. – ตำรวจพัทยาลุยจับร้านเหล้าและร้านคาราโอเกะ เปิดเกินเวลา บนถนนคนเดินวอล์กกิ้ง สตรีท พัทยาใต้ และริมถนนสุขุมวิท
เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 เม.ย.) พ.ต.ต.กองพล เดชะคำภู สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เข้าจับกุมร้านเปิดเกินเวลา บนถนนคนเดินวอล์กกิ้ง สตรีท พัทยาใต้ และริมถนนสุขุมวิท ตรงข้ามตลาดน้ำสี่ภาค
ส่วนร้านที่ 2 ชื่อร้านโรงเบียร์ จอมเทียน ร้านนี้พบนักเที่ยวจำนวนมากนั่งดื่มกิน อยู่บริเวณด้านหน้าร้าน เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดกิจกรรมทั้งหมด เมื่อเข้าตรวจสอบภายในร้านพบห้อง VIP มีลักษณะเป็นห้องคาราโอเกะ จำนวน 3 ห้อง มีเสียงเพลงดังออกมาด้านนอก ตอนแรก พ.ต.ต.กองพล เปิดประตูห้อง VIP เข้าไปดูได้ แต่เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจึงแจ้งประสานขอกำลังตำรวจเพิ่ม เมื่อกำลังตำรวจมาถึง คนในห้องคาราโอเกะกลับล็อกประตูด้านใน ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ ขณะที่ผู้ดูแลร้านอ้างว่าไม่มีกุญแจเปิด
สุดท้ายคนที่อยู่ในห้องคาราโอเกะ VIP ยอมเปิดประตูให้ตำรวจ ตรวจสอบภายในห้องคาราโอเกะ VIP พบนักเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวจีนห้องละกว่า 10 คน
เบื้องต้นได้ควบคุมตัวคนรับเป็นผู้ดูแลร้านไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย
จับแก๊งชาวจีนเปิดห้องหรูมั่วสุมเสพยาเค
ตำรวจอีกชุด นำโดย พ.ต.อ.ซิดเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมด้วยศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บุกจับปาร์ตี้นักท่องเที่ยวจีนลักลอบเปิดห้องมั่วสุมปาร์ตี้ ย่านถนนพัทยาสาย 3 พัทยากลาง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารไม่มีชื่อ 5 ชั้น ประตูอาคารต้องกดรหัสผ่านจึงจะเข้าไปภายในได้ ตรวจสอบชั้นที่ 1 พบเป็นห้องหรู มีคนร่วมดื่มกินรวม 16 คน โดยนักเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวจีน เมียนมา แบ่งออกเป็น ชายสัญชาติจีน 5 คน ชาวเมียนมา 1 คน หญิงจีน 3 คน ไทย 2 คน เมียนมา 5 คน
นอกจากนี้ยังพบเคตามีน พร้อมทั้งอุปกรณ์การเสพวางอยู่บนโต๊ะ และจากการตรวจค้นยังพบเคตามีนอีก 3 ถุงในถาดไม้ ตำรวจยึดไว้เป็นของกลาง และคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดี
หญิงสาวชาวไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตน แฟนหนุ่ม และเพื่อนๆ มาปาร์ตี้กันตามปกติ พร้อมยอมรับว่ามีการใช้ยาเสพติดด้วย
พ.ต.อ.ซิดเดชา สองห้อง ผกก1 บก.สส.สตม กล่าวว่า ได้ข้อมูลจากพลเมืองดีในพื้นที่ จึงประสารชุดจับกุมลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีจริงตามที่แจ้ง ก่อนจะจับกุมทั้งหมดมาสอบสวนดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย