อุดรธานี 29 เม.ย.- ลูกสาวร่ำไห้วอนช่วยเหลือแม่ ถูกหลอกไปทำงานนวดแผนโบราณที่ดูไบ แต่โดนบังคับให้ขายบริการ แม่ไม่ยอมโดนยึดพาสปอร์ต ถูกนำไปขัง แต่หนีออกมาได้ นายจ้างบอกหากอยากกลับไทยต้องหาเงินมาไถ่ 105,000 บาท แม่เผยมีหญิงไทยถูกขังรวมอยู่กว่า 10 คน
นายวันชัย พรมมาโอน ปลัดอาวุโส อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านบะยาว ม.12 และฝ่ายปกครองรับแจ้งจากนางสาวอรุณี หรือองุ่น อายุ 22 ปี ว่าแม่ถูกนายหน้าหลอกไปทำงานนวดแผนโบราณที่เมืองอัลนาห์ดา 2 นครดูไบ แต่กลับถูกบังคับให้ขายตัว แม่ไม่ยินยอมจึงถูกยึดพาสปอร์ต และถูกนำไปขังไว้ที่ชั้น 2 ในตึกแห่งหนึ่ง หนีออกมาไม่ได้ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพากลับประเทศไทยโดยด่วน โดยที่แม่ถูกกักขังยังมีหญิงไทยนับ 10 รายอาศัยรวมกันอยู่อย่างทุกข์ทรมาน
ทั้งนี้ ระหว่างที่องุ่นและครอบครัวกำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่และสื่อ เพื่อซักถามข้อมูล หาทางช่วยเหลือ องุ่นพยายามติดต่อแม่ผ่านทางออนไลน์ แต่การติดต่อค่อนข้างลำบาก และไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มมาก เพราะแม่บอกว่าคุยเสียงดังไม่ได้ และออกอากัปกิริยาไม่ได้มากไปกว่านี้ กลัวนายจ้างรู้ว่ามีการติดต่อขอความช่วยเหลือ แต่ย้ำว่าตอนนี้ยังอยู่ที่นครดูไบ และอยากกลับบ้านมาก
ส่วนองุ่นให้ข้อมูลเพิ่มทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้มีนายหน้าชาวปทุมธานี ติดต่อมาที่ลูกสาวป้า เสนองานนวดแผนโบราณพาไปทำงานที่ดูไบ ก่อนชักชวนแม่ไปทำงาน ด้วยความที่แม่อยากหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว จึงหยิบยืมเงินญาติคนละ 40,000 บาท เป็นค่าเดินทางไปทำงานวันที่ 18 เมษายน แต่พอไปถึงไม่เกิน 2 วัน แม่ไลน์และเฟซบุ๊กมาบอกให้หาทางช่วยแม่ แม่อยากจะกลับบ้าน เพราะงานที่นี่ไม่ใช่งานนวด แต่เป็นขายบริการทางเพศ ถูกยึดพาสปอร์ต และขังไว้ในห้อง และถูกแยกตัวกับคนที่ไปด้วย
นอกจากนี้แม่ยังบอกว่า ถูกขังอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร ทราบแค่ว่าเจ้าของร้านเป็นคนจีน มีภรรยาเป็นคนหนองคาย นายจ้างบอกว่าหากจะกลับเมืองไทยต้องหาเงิน 105,000 บาทมาไถ่ แต่ครอบครัวตนเองไม่มีเงินขนาดนั้น อยากขอความช่วยเหลือ
ด้านปลัดอาวุโส อ.วังสามหมอ บอกว่าข้อมูลที่ได้มองว่าน่าเชื่อถือได้ว่าแม่ถูกหลอกไปทำงานขายบริการจริง และเดินทางไปแบบไม่ถูกกฎหมาย จากนี้จะพาองุ่นไปแจ้งความที่ สภ.วังสามหมอ และเร่งประสานงานหน่วยงานรับผิดชอบแรงงาน ดำเนินการให้การช่วยเหลือต่อไป.-สำนักข่าวไทย