ชายวัย 54 เรียกร้องทางเข้าออกบ้าน 7 ปี ไร้เหลียวแล บุกวัดจับพระเป็นตัวประกัน

ตรัง 19 เม.ย. – ชายวัย 54 ปี เรียกร้องทางเข้าออกบ้านและสวนยางพารานาน 7 ปี ไร้การเหลียวแล เครียดบุกขังพระลูกวัดเป็นตัวประกัน หวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา ลั่นจะทำรุนแรงขึ้นอีกหากทางเข้าบ้านยังถูกปิดตาย


นายอำเภอย่านตาขาว พร้อมนายก อบต.โพรงจระเข้ ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว และผู้นำชุมชน รวมกว่า 10 คน ช่วยกันเจรจากับนายแทนคุณ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังก่อเหตุใช้กรรไกรขู่พระธนศร ฉันทปาโล หรือหลวงโต๊ด อายุ 32 ปี พระลูกวัดห้วยสอ ให้เข้าไปอยู่ในกุฏิ ห้ามออกมานอกกุฏิจนกว่าผู้ก่อเหตุจะอนุญาต โดยใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ผู้ก่อเหตุก็ปล่อยตัวพระออกมาจากกุฏิแต่โดยดี

ระหว่างที่ขังพระอยู่ก็พูดคุยเรื่องผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เข้ามาขอบริจาคที่ดินจากชาวบ้านเพื่อขยายถนนเมื่อปี 59 ระยะทางยาว 1,700 เมตร โดยใช้งบประมาณ 200,000 บาท แต่เมื่อสร้างถนนแล้วเสร็จในปี 61 ถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวปิดทางเข้าออกสวนยางพาราของตัวเองและชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านต้องปล่อยบ้านทิ้งร้าง สร้างไม่แล้วเสร็จ เพราะถนนใหม่อนุญาตให้ผ่านได้เฉพาะรถจักรยานยนต์ และต้องเสียเงินค่าผ่านทางครั้งละ 2,000 บาท นายแทนคุณร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานเป็นเวลาเกือบ 7 ปี แต่ปัญหาปิดทางเข้าออกยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงเกิดความเครียด เคยบุกไปยัง สตง.ตรัง และขู่บังคับ ผอ.สตง. ในห้องทำงานมาแล้วเมื่อปี 64 แต่เรื่องยังเงียบเหมือนเดิม มาวันนี้เกิดความเครียดหนัก เพราะขาดรายได้จากการกรีดยางพารา จึงเข้ามาในวัด ขังพระไว้เพื่อให้ผู้ใหญ่ใน จ.ตรัง ช่วยหาทางเข้าบ้านและสวนยางพารา หากเหตุการณ์ครั้งนี้ผ่านไปแล้วยังไม่ได้รับการเหลียวแล ผู้ก่อเหตุขู่ว่าจะก่อเหตุรุนแรงกว่านี้


ด้านผู้ก่อเหตุย้ำว่าทำเพื่อชาวบ้านทุกคน เพราะไม่มีถนนใช้เป็นแบบนี้มา 7 ปีแล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข จะก่อเหตุไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคำตอบในเร็วๆ นี้ ดูทีวีทุกคืน ข่าวแบบนี้ถ้าเป็นจังหวัดอื่นได้รับการแก้ไขไปนานแล้ว เลยอยากให้สื่อช่วยด้วย

นายอำเภอย่านตาขาว กล่าวว่า จากการพูดคุยทราบว่าผู้ก่อเหตุเดือดร้อนเรื่องทางเข้าออก ซึ่งเจ้าของที่ไม่ยินยอม เคยเจรจาแล้วเจ้าของที่ให้ผ่านเฉพาะรถจักรยานยนต์ จึงไม่สะดวก ทางอำเภอจะเร่งรัด เพราะเคยร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแล้วเรื่องนานมาแล้วตั้งแต่ปี 59 แล้วตอนนี้มาร้องเรียนใหม่ กำลังหาเส้นทางใหม่ให้ เพราะที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่ปฏิรูป ก็ให้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดมาดูแลแล้ว และจะเร่งสร้างเส้นทางให้ใหม่ด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”