ลำปาง 31 มี.ค.- ช่วงเวลาทองของเกษตรกรผู้ปลูกมะนาว หลังผลผลิตน้อยราคาขยับขึ้นกว่าสองเท่าตัวจากเดิมเคยขายได้สูงสุด กก.ละ 10 บาท ขณะนี้ยังพุ่งไม่หยุดทะลุ 35 บาทแล้ว คาดอีก 2 เดือนจะขึ้นอีก
ลุงอเนก อายุ 65 ปี ชาวบ้านบ้านแจ้คอน ตำบลทุ่งผึ้ง อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เจ้าของไร่กาญจนา ซึ่งปลูกมะนาวพันธุ์ตาฮิติ มะนาวไร้เมล็ด ผลใหญ่ น้ำมาก ไร้เมล็ด กลิ่นหอม ส่งออกจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ พาชมสวนมะนาวที่ปลูกแล้วกว่า 3,500 ต้น บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ และกำลังเพิ่มพื้นที่การปลูกอีกประมาณ 2,000 ต้น โดยความพิเศษของไร่มะนาวกาญจนาที่นี่ ลุงอเนกจะปลูกไม้ผลและพืชอื่นๆ แซมในแปลงมะนาว อาทิ ลำไยอีดอ พริกขี้หนูสวน มะยงชิด มะม่วง มะพร้าว ซึ่งพืชทุกชนิดจะมีการดูแลอย่างดี โดยเฉพาะการเน้นคุณภาพ จำกัดจำนวนที่ออกแต่ละต้น ไม่ใหญ่มากจนเกินไปจะทำให้ผลเล็ก ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก ใช้ระบบน้ำหยด พืชที่ปลูกแซมสร้างรายได้เพิ่มตลอดทั้งปีนอกเหนือการเก็บมะนาวขายได้
ลุงเนก เผยว่าดีใจมากที่ราคามะนาวสูงขึ้นมาก ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาทองของพี่น้องที่ปลูกมะนาวทั่วประเทศ ซึ่งที่ไร่ขายในราคากิโลกรัมละ 35-40 บาท สูงกว่าปกติมาก เดิมขายที่ประมาณ 10-12 บาท และราคาก็ยังจะขึ้นไปเรื่อยโดยในเดือน เม.ย. และ พ.ค. ไปถึง มิ.ย.ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่กระทบกับราคาเพราะมีแนวโน้มจะยังเพิ่มสูงขึ้นอีก
ที่ไร่ในปีนี้น่าจะมีผลผลิตประมาณ 25-30 ตัน ซึ่งก็ยังมีไม่เพียงพอ เพราะต้องส่งจำหน่ายต่างประเทศ อาทิ ตะวันออกกลาง บรูไน กาตาร์ ไต้หวัน จีน เจาะจงว่าจะต้องเป็นพันธุ์ตาฮิติอย่างเดียวเท่านั้น ขณะนี้ได้ทำการตอนกิ่งเพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรผู้สนใจนำไปปลูกด้วย โดยจำหน่ายกิ่งละ 35 บาท ปลูก 1 ปีเศษ ก็สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว ตลาดมะนาวยังมีความต้องการอีกมาก ปลูกครั้งเดียวเก็บได้ตลอดทั้งปี.-สำนักข่าวไทย