สุราษฎร์ธานี 27 มี.ค. – พบศพแรงงานเมียนมา คาถังน้ำมัน 500 ลิตร ภายในเรือจอดเทียบท่าอยู่ใกล้กับคานเรือ ซอยตลาดล่าง 4 จ.สุราษฎร์ธานี ตำรวจเร่งเก็บหลักฐานและตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด
ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พบศพแรงงานเมียนมาอยู่ในถังน้ำมันขนาด 500 ลิตร ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 แพทย์เวรโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งจากเจ้าของเรือประมงซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ใกล้กับคานเรือ ภายในซอยตลาดล่าง 4 ถนนตลาดล่างหมู่ 5 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พบผู้เสียชีวิต ชื่อนายโม แซ อายุ 28 ปี หายตัวไปเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา คาดเป็นแรงงานชาวเมียนมา เสียชีวิตอยู่ในถังน้ำมันขนาด 500 ลิตร ถังน้ำมันวางอยู่ในแนวนอน ภายในห้องเครื่องเรือ เจ้าหน้าที่จึงเคลื่อนย้ายถังน้ำมันออกมาจากห้องเครื่องเรือและนำขึ้นมาบนฝั่ง หลังจากนั้นใช้อุปกรณ์ผ่าถังน้ำมันนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากถัง สภาพศพขึ้นอืด คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหาบาดแผลที่ร่างกาย แต่ไม่พบบาดแผลใดๆ อีกทั้งภายในถังยังมีคราบน้ำมันอยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ต้องส่งไปผ่าชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี อย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุของเสียชีวิตที่แน่ชัด
สอบสวนทราบว่าเรือลำดังกล่าวจอดเทียบท่าตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดอ่าว จึงไม่สามารถไปทำประมงได้ มีแรงงานอาศัยอยู่บนเรือทั้งหมด 4 คน เป็นคนไทย 1 แรงงานชาวเมียนมาอีก 3 คน และยังมีเรืออีก 2 ลำ จอดเทียบท่าติดกับเรือลำที่พบร่างผู้เสียชีวิต เรือทั้ง 3 ลำมีแรงงานอยู่ทั้งหมด 9 คน หนึ่งในนั้นมีนายโม แซ ผู้เสียชีวิตรวมอยู่ด้วย จากการสอบปากคำทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีใครรู้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจจึงได้นำตัวแรงงานทั้งหมดไปสอบปากคำและเก็บตัวอย่าง DNA ไปตรวจสอบ
นายประเสริฐ เจ้าของเรือ เล่าว่า ก่อนหน้านี้นายโมเป็นคนงานเรืออยู่ที่แพปลาแห่งหนึ่งที่อำเภอดอนสัก และเพิ่งมาสมัครงานเป็นคนงานเรือได้ 8 วัน ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องเอกสารเพื่อเป็นลูกจ้างตามกฎหมาย ตลอดเวลาที่นายโมมาทำงานได้พักอาศัยอยู่บนเรือ มีบางวันที่นายโมขอออกไปตกปลาและกินเหล้ากับเพื่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าไปตกปลากับเรือของใครและไปกับเพื่อนคนไหน ก่อนมาพบเป็นศพนายโมหายไป 3 วัน สอบถามใครก็ไม่มีใครเห็น โดยปกติแล้วนายโมเป็นคนเงียบขรึม ไม่เคยมีปากเสียงกับใคร ทำให้ไม่รู้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงคืออะไร . – สำนักข่าวไทย