อธิบดีกรมธนารักษ์ตรวจสอบ “วิโมกสิวาลัย” ชี้รุกที่ราชพัสดุ

ราชบุรี 22 มี.ค. – อธิบดีกรมธนารักษ์ลงพื้นที่ตรวจสอบ “วิโมกสิวาลัย” อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พบรุกที่ราชพัสดุ ระบุยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าต้องทุบทิ้งหรือไม่


นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินภายในธรรมสถานวิโมกสิวาลัย โดยมีพระอาจารย์โย ปุญวังโส พระดูแลสถานปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัย เป็นผู้ให้ข้อมูล

อธิบดีกรมธนารักษ์ บอกว่า การมาตรวจสอบวันนี้มาในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบ ร่วมกับผู้แทนจากกองทัพบก ในฐานะที่ดูแลร่วมกัน เพื่อที่จะมาดูพื้นที่จริงว่าเนื้อที่จริงๆ เป็นอย่างไร จำนวนเท่าไร ซึ่งข้อมูลตามที่เป็นข่าวระบุว่ามีเนื้อที่ 70 ไร่ แต่ที่ได้รับข้อมูลมาที่ชัดเจนคือ เนื้อที่ 38 ไร่ และยังไม่มีการขออะไรโดยถูกต้อง ถือว่าเป็นความผิดแน่นอน เรื่องการบุกรุกที่ดินราชพัสดุ ตามกฎหมายที่ราชพัสดุ คือเรื่องการบุกรุกเข้ามาใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุโดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะการมีสิทธิชอบด้วยกฎหมายนั้นมี 2 ทางกับธนารักษ์คือ 1.ขอใช้โดยส่วนราชการ และ 2.ส่วนของการเช่าหรือการจัดหาประโยชน์ ซึ่งจะได้รับสัญญาเช่าจากกรมธนารักษ์


ส่วนจะเข้าในโครงการธนารักษ์ประชารักษ์ได้หรือไม่นั้น อธิบดีกรมธนารักษ์ ชี้แจงว่า ตามนโยบายโครงการนี้จะมุ่งถึงการให้ที่ทำกินกับประชาชน หรือที่อยู่อาศัยประชาชนที่เดือดร้อน แต่กรณีนี้ไม่สามารถที่จะเข้าโครงการธนารักษ์ประชารักษ์ได้ เพราะไม่เข้าเงื่อนไข และหากจะเช่าในนามของมูลนิธิฯ ต้องเป็นเรื่องกิจการที่ไม่ใช่แสวงหากำไร หาประโยชน์ แต่ถ้ากรณีหาผลประโยชน์ เช่น กรณีธุรกิจอื่นๆ จะเป็นค่าเช่าที่แตกต่างกัน ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้ยังไม่มีหนังสือรายละเอียดเรื่องนี้

ทั้งนี้ หากมีสถานะเป็นวัดตามกฎหมาย ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาสามารถจะขอใช้ที่กับทางส่วนราชการได้ แต่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ไม่มีสถานะเป็นวัด เนื่องจากวัดจะต้องอยู่ห่างจากวัดอื่นประมาณ 5 กิโลเมตร และปรากฏสถานที่แห่งนี้ห่างจากวัดไม่ถึง 5 กิโลเมตร เมื่อไม่สามารถเป็นวัดได้ สำนักงานพระพุทธศาสนาก็ไม่สามารถจะขอใช้ได้

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเมื่อผิดเงื่อนไขหลายข้อจะถึงขึ้นต้องรื้อหรือไม่ อธิบดีกรมธนารักษ์ บอกว่า ต้องไปดูรายละเอียดในข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน จะต้องดูรายละเอียดว่าอยู่ในวิสัยที่ต้องรื้อหรือไม่ แต่ในส่วนของทางแพ่ง คือเรียกค่าเสียหายที่สามารถให้เช่าได้ ทั้งในส่วนที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง และทำสัญญาเช่าต่อไปข้างหน้า ส่วนของคดีอาญาจะดำเนินการอย่างไร ต้องมาดูเจตนาหรือองค์ประกอบ


วันนี้ ทางพระพลชโย พระที่ปฏิบัติธรรมดูแลส่วนหน้าธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ได้พาสื่อมวลชนเข้าไปดูสภาพพื้นที่ด้านใน ซึ่งการจัดแบ่งเป็นโซนต่างๆ ได้แก่ วิหารทูลเกล้าพระนอน วิหารพระบรรทมสีหไสยาสน์ชนะมาร สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิมหามัยมุนี เจดีย์ 9 มหามงคล ด้านในมีรูปหล่อพระเกจิชื่อดัง มีรูปปั้นพญานาคล้อมรอบรอยพระพุทธบาทจำลอง นอกจากนี้ยังมีที่พักโยคีพราหมณ์ กุฏิพุทธบุตร เรือนบารมี ลานอรหันต์ ลานโพธิบัลลังก์ วิหารทูลเกล้าพระนอน บริเวณด้านหน้ามีพระพุทธรูปแกะด้วยไม้สัก

จากนั้นพระพลชโยได้พาไปดูอาคารต่างๆ บางจุดของพื้นที่จะมีเชือกกั้น ระบุเป็นเขตปฏิบัติธรรม ห้ามรบกวน ใกล้กันยังมีกุฏิไม้หลังใหญ่ ซึ่งเป็นกุฏิไม้ที่พักของหลวงพี่อุเทน ส่วนทางด้านโยคีปอและโยคีโรเบิร์ต ผู้สื่อข่าวบอกว่าตลอดทั้งวันยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

ล่าสุดหลังอธิบดีกรมธนารักษ์ และคณะ ตรวจสอบที่ดินภายในธรรมสถานวิโมกสิวาลัย นานกว่า 1 ชั่วโมง ออกมาเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ทั้งหมดมี 38 ไร่ ในเฉพาะส่วนที่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ส่วนบริเวณรอบๆ นั้นใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำเกษตรกรรม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจัดให้เช่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนของสำนักปฏิบัติธรรมนั้น ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดแล้วพบว่าได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิอย่างถูกต้อง มีหนังสือรับรองแล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นเรื่องมาที่ธนารักษ์

ส่วนตามขั้นตอนนั้น ถ้าเป็นการเช่าทำเกษตรหรือที่อยู่อาศัย ในเรื่องของการให้ความยินยอม จะเป็นอำนาจของกองพลพัฒนาที่ 1 แต่ถ้ามีวัตถุประสงค์นอกเหนือจากนั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากกองทัพบก และถ้าเป็นมูลนิธิก็สามารถเช่าได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากกองทัพบก แล้วจัดส่งมาที่กรมธนารักษ์เพื่อให้เช่า แต่ทางมูลนิธิฯ นั้น อาจจะยังไม่เข้าใจในวิธีการดำเนินการ และไม่เข้าใจในขั้นตอนต่างๆ วันนี้หลายหน่วยงานจึงต้องมาร่วมกันชี้แจงว่าวิธีการจะต้องดำเนินการอย่างไร ในส่วนที่มีการก่อสร้างไปแล้วจะต้องมาพิจารณาร่วมกันว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะให้เช่า โดยจะพิจารณาตามกฎระเบียบ

ส่วนของการดำเนินการที่ผ่านมาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่มีสัญญาเช่า จะต้องมีการเรียกค่าเสียหายย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 มาถึงปัจจุบัน ซึ่งจะต้องไปดูแลในรายละเอียดของการเช่าว่าจะคิดอย่างไร เป็นเรื่องของทางแพ่ง แต่ในส่วนของเรื่องอาญานั้นจะต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง เพราะเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพ ซึ่งจะต้องดูในภาพรวมว่าจะต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย ผู้ที่บุกรุกทุกคนต้องถือว่ามีความผิด จะต้องถูกดำเนินการเหมือนกัน

ทั้งนี้ ไม่ได้มีการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึง 13 ปี เพราะหน่วยงานทหารนั้นได้เข้ามาตั้งแต่ต้น แต่ทางสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้บอกว่ามีความประสงค์จะตั้งเป็นวัด และมีการปฏิบัติธรรมที่ชัดเจน ทางหน่วยงานทหารก็รอให้มีการขออนุญาตจัดตั้งวัดกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาก่อน แล้วก็ผ่านไปยังหน่วยงานทหาร และผ่านมายังกรมธนารักษ์ ซึ่งไม่ได้มีการปล่อยปะละเลย เพราะเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่อ่อนไหว

ด้านพลตรีมนิต ศิริรัตนากูล ผู้บัญชากองพลพัฒนาที่ 1 กล่าวว่า คงจะต้องลงไปตรวจสอบในพื้นที่พลพัฒนาที่ 1 ดูแลอยู่มีทั้งหมด 12 สำนักสงฆ์ ซึ่งจะต้องมีการไปชี้แจงให้ทราบในวิธีการปฏิบัติ ซึ่งมาตรการของกองทัพบกจะใช้วิธีเบาไปหาหนัก โดยอันดับแรกจะมีหนังสือแจ้งเตือนไปก่อน 3 ครั้ง แต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 1 เดือน แต่ถ้ายังไม่มีการดำเนินการ ทางกองพลพัฒนาที่ 1 จะรวบรวมพยานหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ในส่วนมีการปล่อยให้ทางสำนักปฏิบัติธรรมก่อสร้างมานานกว่า 10 ปีนั้น เนื่องจากทางสำนักปฏิบัติธรรมเริ่มมาจากจัดตั้งเป็นวัด เมื่อสอบถามทางพระ ทราบว่าพระที่ดำเนินเรื่องคนเก่าก็สึกไป คนใหม่ก็มาต่อยอดกัน แต่กว่าจะต่อยอดกันอาจจะไม่เหมือนระบบราชการ ซึ่งขั้นตอนอาจจะหายไปช่วงระยะหนึ่ง และเมื่อวานทางกองพลพัฒนาที่ 1 เพิ่งได้รับทราบวัตถุประสงค์ว่าขอเปลี่ยนจากวัดเป็นมูลนิธิ แต่ในส่วนรายละเอียดนั้นยังไม่ได้พูดคุยกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]