สระบุรี 13 มี.ค.- กรณีรถทัวร์ชนตอม่อกลางถนนมิตรภาพ ขณะนี้ได้รับรายงานเพิ่มว่ามีผู้เสียชีวิตเป็น 8 ราย ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ด้านกรมการขนส่งทางบก ตรวจสอบ GPS รถคันนี้ ตลอดเส้นทางการเดินทางพบว่ามีการใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด พบความเร็วสุดท้าย GPS ที่ 89 กม./ชั่วโมง
จากกรณีรถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้น วิ่งระหว่าง กรุงเทพฯ- สุวรรณภูมิ มีผู้โดยสารนั่งมา 32 คน เสียหลักพุ่งชนเสาไฟส่องสว่างบนถนน จากนั้นพุ่งเข้าชนตอม่อของสะพาน ทำให้รถตะแคงพังเสียหายยับเยิน มีผู้โดยสารกระเด็นออกมาข้างนอกรถ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สว่างสระบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู ใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บติดภายใน และที่กระเด็นออกมาจากตัวรถ นอนร้องครวญครางอยู่กลางถนน บางรายแขนขาหัก อาการเป็นตายเท่ากัน บางรายสิ้นใจต่อหน้ากู้ภัย จึงได้รีบนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่ง รพ. และขณะนี้ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 8 ราย จากเหตุการณ์นี้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าวมีผู้โดยสารนั่งมารวมทั้งคนขับรถ 32 คน ซึ่งอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ประสงค์ไปรพ. จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป
ด้านกรมการขนส่งทางบก ส่งทีมสอบสวนอุบัติเหตุซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักวิศวกรรม ยานยนต์และสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบกรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุทันที เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บข้อมูลเพื่อประกอบการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุ และจะได้จัดทำรายงานการเกิดอุบัติเหตุเชิงลึกเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาลงโทษรวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ ประสานให้สำนักงานขนส่งจังหวัดสระบุรีประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามผลคดีอย่างใกล้ชิด หากพบว่ารถคันดังกล่าวกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกจะได้พิจารณาลงโทษตามความผิด
กรมการขนส่งทางบก ตรวจสอบกรณีดังกล่าวเบื้องต้นพบว่า เป็นรถโดยสารประจำทาง 2 ชั้น วันสิ้นอายุภาษี 31 มีนาคม 2565 ผู้ประกอบการบริษัท สหพันธ์ ร้อยเอ็ดทัวร์ จำกัด ร่วมบริการ ตรวจสอบ GPS พบการแสดงตัวผู้ขับ รถคันดังกล่าว ออกจากต้นทาง สถานีขนส่งอำเภอพนมไพร เวลา 07.06 น. ปลายทาง สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) ตลอดเส้นทางการเดินทางพบว่ามีการใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด โดยได้มีการเข้าตรวจสอบ ณ จุด checking point จำนวน 1 ครั้ง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมาแห่งที่ 2 เมื่อเวลา 12.44 น. ได้รับรายงานว่าไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด และออกเดินทางต่อจนมาถึงจุดเกิดเหตุ พบข้อมูลความเร็วสุดท้าย ณ เวลา 14.44 น. ที่ความเร็ว 89 กม./ชม. และตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยพบประกันภัยภาคบังคับ และภาคสมัครใจ ยังมีอายุคุ้มครอง สรุปวงเงินกรณีเสียชีวิต รวม 1,1000,000 บาท ได้แก่ ความคุ้มครองเบื้องต้น กรณีเสียชีวิต 500,000 บาท, ความคุ้มครองตาม พรบ. กรณีเสียชีวิต 500,000 บาท, ความคุ้มครองแนบท้ายกรมธรรม์ (PA) 100,000 บาท.-สำนักข่าวไทย