เชียงใหม่ 1 มี.ค. – รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของจังหวัด มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่ยกระดับ พร้อมขอชาวเชียงใหม่เพิ่มมาตรการป้องกันตนเองสูงสุด ส่วนผู้ที่มีผล ATK เป็นบวกให้รับยาได้ที่จุดตรวจเพื่อกลับไปรักษาที่บ้านได้ทันที
นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าวถึงแนวทางและมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ภายหลังกระทรวงสาธารณสุขยกระดับบการเตือนภัยเป็นระดับ 4 ว่าขณะนี้ทางจังหวัดยังไม่มีการยกระดับมาตรการป้องกัน แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น แต่ได้ให้ผู้ที่ตรวจเอทีเคที่มีผลเป็นบวก รับยากลับไปทานและกักตัวที่บ้าน แบบโฮมไอโซเลชั่นได้ทันที หรือเรียกว่า “เจอ แจก จบ” และเมื่อครบ 7 วัน สังเกตอาการ 3 วัน สามารถไปรับใบรับรองว่ารักษาหายได้ที่จุดตรวจเอทีเคได้ พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือประชาชนให้ป้องกันตนเองสูงสุด ห่างกันสักพัก เพื่อลดความเสี่ยง เช่น งดร่วมกิจกรรมสังสรรค์งดการรวมตัว แยกทานอาหาร และสวมใส่แมสก์เป็นประจำ โดยทางจังหวัดก็ได้เริ่มแจกแมสก์ให้กระจายทุกพื้นที่แล้ว
ส่วนสถานประกอบการร้านอาหาร ต้องปฎิบัติตามมาตรการฟรีเซตติ้งและมาตรการควบคุมโรคด้วย ส่วนร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ยังเปิดได้ตามปกติถึงเวลา 23.00 น. ใน 5 อำเภอที่อยู่ในโครงการแซนบ๊อกซ์ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกอำเภอดูแลป้องกันการแพร่ระบาดในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ รวมถึงได้รณรงค์ให้ชาวเชียงใหม่ฉีดวัคซีน เข็ม 3 และเข็ม 4 ให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะแก่เด็กเล็กแล้ว พร้อมกับการมีส่วนร่วมป้องกันตนเอง เพื่อให้เชียงใหม่ไปต่อได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากสถิติตั้งแต่เปิดเมืองเชียงใหม่มา พบว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาก ไฟท์บินจาก 10 เที่ยวเพิ่มเป็น 100 เที่ยวบิน เศรษฐกิจการค้าการขายดีขึ้นตามลำดับ
ด้าน นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่าปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น เนื่องจากสายพันธุ์โอไมครอนสามารถติดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ประกอบกับประเทศเริ่มเปิดให้ดำเนินการธุรกิจการท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย มีการคาดการณ์ว่ากลางเดือนเมษายน จะมีผู้ติดเชื้อถึง 4 หมื่นกว่าคน แต่ยืนยันว่าสถานการณ์ไม่ร้ายแรง หากทุกฝ่ายช่วยกันป้องกัน และยืนยันว่ายาและเตียงยังมีรองรับผู้ป่วยอย่างเพียงพอ รวมทั้งหากตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทางจังหวัดก็ยังไม่มีมาตรการณ์ล็อกดาวน์
ส่วนการดำเนินการของจังหวัดเชียงใหม่ ได้เริ่มเปลี่ยนไปตามทิศทางของประเทศที่จะเข้าสู่โรคประจำถิ่นในอีก 4 เดือนข้างหน้า โดยจะเห็นได้ว่าการรายงานสรุปตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นรายใหม่ จะเป็นภาพรวมการรายงานค่าเฉลี่ยในช่วง 14 วัน และไม่มีการบันทึกผู้ติดเชื้อรายใหม่ประจำวันและจะไม่รวมตัวเลขผู้ที่เป็นไข้หวัดธรรมดาแต่จะแจ้งภาพรวมของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเท่านั้น ซึ่งทางจังหวัดได้เริ่มใช้อินโฟสรุปตัวเลขแบบใหม่แทนที่ของเดิม ไปแล้วเมื่อวานนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการวางระบบสาธารณสุข รองรับผู้ป่วยรุนแรงในโรงพยาบาลได้ต่อไป ทั้งนี้เป็นไปตามที่ ศบค.กำหนดมาตรฐานไว้. -สำนักข่าวไทย