รวบแล้วหนุ่มบุกโรงเรียนลวนลามครูท้อง 5 เดือน

ชุมพร 23 ก.พ. – ตำรวจชุมพรรวบหนุ่มบุกโรงเรียนลวนลามครูสาวท้อง 5 เดือน เจ้าตัวปฏิเสธ อ้างโอนเงินผ่านแอปฯ ไม่เป็น หวังให้ช่วยแต่ครูโวยวายหนัก ตกใจจึงต้องขับรถหนี


ตำรวจ สภ.ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร จับกุมตัวนายสิทธิพงษ์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ข้อหาความผิดทำอนาจาร ได้ที่ขนำริมทะเล ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 40 กิโลเมตร

คดีนี้นายสิทธิพงษ์บุกเข้าไปในโรงเรียนวัดน้ำลอด หมู่ 12 ต.ปากน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร ทำทีขอเข้าห้องน้ำและพูดคุยตีสนิทกับครูโบว์ อายุ 27 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ 5 เดือน แต่ครูโบว์ไม่ไว้ใจจึงไลน์ไปหาครูผู้ชายที่ออกไปรับประทานข้าวบริเวณหน้าโรงเรียนว่าให้รีบกลับมา หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที นายสิทธิพงษ์ออกจากห้องน้ำมาสอบถามว่ามีแอปฯ ธนาคารหรือไม่ ตนเองก็แจ้งว่าไม่มี และนายสิทธิพงษ์ได้เดินเข้ามาหา ในระหว่างนั้นตนเองได้พิมพ์ไลน์ไปหาครูผู้ชายอีกว่าให้รีบกลับมา แต่คำที่พิมพ์ไปนั้นพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกด้วยความกลัว หลังจากนั้นนายสิทธิพงษ์ได้ขอให้ตนเองช่วยโอนเงินให้ โดยยื่นโทรศัพท์ให้ บอกว่าทำไม่เป็น ตนเองก็รับโทรศัพท์มาและบอกว่าโทรศัพท์มันล็อก ช่วยใส่รหัสให้หน่อย หลังจากนายสิทธิพงษ์ใส่รหัสแล้ว เมื่อเปิดมาเจอเป็นคลิปโป๊ ตนเองได้โยนโทรศัพท์ลง นายสิทธิพงษ์ได้เข้ามากอดและพยายามลวนลามตนเอง ตนเองจึงตะโกนให้คนช่วย พร้อมกับบอกว่าอย่าทำ ตนเองมีลูกมีสามีแล้ว พยายามดิ้นออกมา และพยายามเดินถอยออกมาจากในห้องนั้น จากนั้นเห็นว่ามีรถครูผู้ชายและรถของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกำลังขับเข้ามาพอดี


หลังเกิดเหตุคนร้ายวิ่งไปขึ้นรถกระบะขับหลบหนีไป แต่สุดท้ายไปติดหล่มอยู่ในสวนปาล์มของชาวบ้าน ห่างจากโรงเรียนเกิดเหตุประมาณ 30 กิโลเมตร จากนั้นคนร้ายทิ้งรถกระบะหลบหนีไป จนเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาตำรวจสามารถตามจับกุมตัวได้ ขณะหลบหนีไปนอนพักในสวนยาง พื้นที่ อ.ละแม

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสิทธิพงษ์ให้การปฏิเสธ บอกว่าขับรถยนต์เข้าไปในโรงเรียนเพียงต้องการให้ครูช่วยโอนเงินทางแอปพลิเคชันธนาคารในมือถือของตนให้เท่านั้น เนื่องจากตนทำไม่เป็นจริงๆ ไม่ได้มีเจนตนาลวนลามหรือข่มขืนครูแต่อย่างใด และไม่ได้เปิดคลิปโป๊ในมือถือให้ครูดูด้วย แต่ที่ต้องหนีออกมาเพราะตกใจที่ครูส่งเสียงโวยวาย และมีรถยนต์ขับเข้าเหมือนจะทำร้ายตน จึงวิ่งไปขึ้นรถขับหลบหนีออกมา เมื่อขับรถหนีออกมาแล้วไปติดล่มในสวนปาล์ม ไม่สามารถขับต่อได้ จึงถอดป้ายทะเบียนเก็บไว้ใต้เบาะรถ แล้วเดินมาเรื่อยเปื่อยจนถึงศาลที่พักริมชายทะเล ได้นอนพักผ่อน จนมาถูกตำรวจจับในวันนี้

ด้านครูผู้เสียหาย หลังจากทราบข่าวว่าตำรวจควบคุมตัวคนร้ายเอาไว้ได้ ได้เดินทางมายัง สภ.ปากน้ำหลังสวน เพื่อชี้ตัวยืนยัน ก่อนจะบอกว่ารู้สึกโล่งใจที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้แล้ว และทราบว่าผู้ต้องหาปฏิเสธว่าไม่ได้ลวนลามตน ตนขอยืนยันว่าผู้ต้องหาคนนี้พยายามลวนลามและพยายามข่มขืนตนจริงๆ


พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุเสพไอซ์มา และที่ผ่านมามีประวัติเคยเสพยาเสพติดจนเกิดปัญหาคล้ายแบบนี้มาแล้ว ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะปฏิเสธ ก็ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐาน นอกจากนี้ก่อนหน้ามาก่อเหตุที่นี่เพียง 3 วัน ได้บุกไปที่บ้านหญิงสาวรายหนึ่งใน อ.ไชยา โดยไปเคาะและจะงัดประตูเพื่อเข้าไป เชื่อว่าหมายจะข่มขืนหญิงสาวภายในห้องแต่ไม่สำเร็จ จนมาก่อเหตุดังกล่าวใน จ.ชุมพร

สำหรับโรงเรียนวัดน้ำลอด ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนไกลความเจริญ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เปิดเรียนในระดับชั้นอนุบาล 1-3 และชั้นประถมศึกษาที่ 1-6 มีนักเรียนทั้งหมด 54 คน มีคุณครู 4 คน ธุรการ 1 คน ลักษณะอาคารเรียนเป็นอาคารเรียนชั้นเดียว หากจากถนนสายหลักประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]