ไล่ล่าคนร้ายยิงถล่มนายก อบต.สาหัส-คนใกล้ชิดดับ 2

นครนายก 15 ก.พ. – ผบช.ภ.2 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มรถนายก อบต.บางสมบูรณ์ จ.นครนายก บาดเจ็บสาหัส ส่วนคนใกล้ชิดเสียชีวิต 2 ราย เบื้องต้นพุ่งประเด็นขัดแย้งการเมืองท้องถิ่นและความแค้นส่วนตัว


เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายขับรถไล่ยิงถล่มรถของนายก อบต.บางสมบูรณ์ จังหวัดนครนายก ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่รองนายก อบต. และคนขับรถที่มาด้วยกัน เสียชีวิตทันที

ที่เกิดเหตุอยู่ถนนบากท่อ-บางปรัง หมู่ 2 ช่วงโค้งตายศ ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก รถที่เกิดเหตุเป็นรถแวนยี่ห้อฮุนได รุ่น H1 สีดำ สภาพพุ่งข้ามเลนเข้าป่าข้างทางลึกกว่า 20 เมตร


ในรถพบผู้เสียชีวิต 2 คน คนแรกใส่เสื้อคลุมสีขาว เป็นคนขับ ชื่อนายวัชระ นุชแดง เป็นคนสนิทของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ญาณกร โท้ประยูร นายก อบต.บางสมบูรณ์ ผู้เสียชีวิตคนที่ 2 คือ นายสมชาย ม่วงกาศ เป็นรองนายก อบต.บางสมบูรณ์ นั่งอยู่เบาะหลัง หลังคนขับ ส่วนนายก อบต.บางสมบูรณ์ ซึ่งนั่งเบาะหลังเช่นกัน ถูกกระสุนยิงเข้าที่หัวไหล่และขา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีกคนคือ นายวิชาญ เจริญรุ่งเรื่อง นั่งหน้าข้างคนขับ ปลอดภัย

ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นรถขับมา 2 คัน โดยรถกระบะขับตามหลัง และเร่งเครื่องประกบรถของนายก อบต. ด้านข้างฝั่งคนขับ ก่อนใช้อาวุธปืนรัวยิงเป็นชุดมากกว่า 10 นัด โดยพฤติกรรมไม่ได้เป็นการขับขี่หนีกันมาแต่อย่างใด แต่ขับตามกันมาเรื่อยๆ หลังสิ้นเสียงปืน ตนและชาวบ้านคนอื่นยังไม่กล้าออกมาดู จนแน่ใจว่าปลอดภัย จึงวิ่งออกมาดู และมีการนำตัวนายก อบต. และคนที่โดยสารอีกคน ขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาล

สอบถามนางบุญปลูก อบอวล นายก อบต.ศรีจุฬา บอกว่า ก่อนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงรวมตัวนายก อบต. ในจังหวัดนครนายก นอกรอบ ก่อนจะมีการประชุมคัดเลือกคณะกรรมการต่างๆ ในจังหวัดนครนายก ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ โดยนายก อบต.บางสมบูรณ์ และคณะ ได้ขอตัวกลับก่อน ส่วนตัวคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการเมืองท้องถิ่น แต่ก็ยังมีประเด็นความแค้นส่วนตัวด้วย


ที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่จำนวนหนึ่ง จึงให้กองพิสูจน์หลักฐานเก็บไว้เพื่อตรวจสอบ จากนั้นตรวจสอบรถพบว่าตำแหน่งด้านขวาของตัวรถ ช่วงประตูรถมีรอยกระสุนปืนยิงทะลุหลายจุด ซึ่งเป็นตำแหน่งจุดบริเวณชายโคลงของผู้โดยสาร เป็นเหตุให้ผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งขวาเสียชีวิตทั้ง 2 คน

วันนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างวางแนวทางการสอบสวน เบื้องต้นพุ่งประเด็นไปที่การขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเส้นทางในบริเวณจุดเกิดเหตุค่อนข้างมืด ประกอบกับแสงสว่างน้อย และมีฝนตกในช่วงที่เกิดเหตุ มองว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ขณะที่คนร้ายน่าจะมีการวางแผนและมีมากกว่า 2 คน คาดว่าน่าจะมาเป็นกลุ่มและมีการแบ่งงานกันทำ โดยคนร้ายมุ่งเป้าคนที่อยู่ในรถและนายก อบต. ส่วนเรื่องคดีต้องขอเวลา คาดว่าจะคลี่คลายคดีได้

นายชาญศิลป์ ม่วงกาศ อายุ 32 ปี ลูกชายรองนายก อบต. บอกว่า ตนทราบหลังจากมีคนโทรบอกหลังเกิดเหตุ โดยเมื่อวานมีประชุมรวมตัวนายก อบต. ในตัวเมืองนครนายก ซึ่งนายก อบต. และพ่อของตนออกไปตั้งแต่ตอนเย็น จนกระทั่งขากลับก็มาเกิดเหตุ ซึ่งเส้นทางที่เกิดเหตุใกล้บ้านของนายก อบต. อีกทั้งพ่อจอดรถไว้ที่บ้านของนายก ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยพูดเรื่องเกี่ยวกับว่าอาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งปกติพ่อเป็นคนระวังตัว เนื่องจากเข้ามาเล่นการเมือง ส่วนปมสาเหตุที่ญาติมุ่งคือ ปมการเมือง โดยคนร้ายหวังเอาชีวิตทั้งหมด 4 คนภายในรถ ที่ผ่านมาปกติเวลาไปไหนนอกพื้นที่จะไปด้วยกันหมดทั้ง 4 คน แต่หากอยู่ในพื้นที่จะแบ่งงานกัน เพื่อให้ดูแลพื้นที่ได้ทั่วถึง

ขณะที่เมื่อวานหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้ตนมาให้ปากคำเพิ่มเติม แต่ตอนนั้นตนไม่ไหวจึงให้พี่ชายมาให้ปากคำก่อน เบื้องต้นให้ข้อมูลว่าเมื่อสองสามวันก่อนได้ไปไหนมาไหนบ้าง ส่วนวันนี้ตนเดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนอาการของนายก อบต. ตอนนี้ปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัย ส่วนศพของพ่อและคนขับรถ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลนครนายก เพื่อรอผลตรวจโควิด ก่อนจะส่งศพไปผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มศว.องครักษ์

ขณะที่นายวัชระ นุชแดง คนขับรถ เป็นหนึ่งในสมาชิก อบต. หมู่ 4 ตำบลบางสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ได้บวชแก้บน 7 วัน และเพิ่งสึกมาได้ 1 วันก็กลับมาขับรถให้กับนายก

นางสำนอง นุชแดง อายุ 53 ปี ภรรยาคนขับ บอกว่า น้องชายโทรมาบอกว่านายกโดนยิง สามีอยู่กับตนจนถึงเวลา 4 โมงเย็น จากนั้นไปวิ่งส่งของต่อ จนกระทั่งเวลา 5-6 โมงเย็น นายก อบต. ได้โทรเรียกให้ขับรถให้ ที่ผ่านมาสามีไม่เคยพูดบอกว่ามีปัญหาอะไรกับใคร ล่าสุดบวชแก้บนได้ 7 วัน แก้บนเนื่องจากไม่สบาย และเพิงสึกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และวันจันทร์ก็มาถูกยิงเสียชีวิต ตอนนี้ตนมุ่งสาเหตุการตายมาจากเรื่องการเมือง ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ซึ่งนิสัยเป็นคนตรง เปิดเผย เข้ากันได้ทุกคน ตอนนี้ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษานายก

ขณะที่นางสาวอุสา โท้ประยูร อายุ 39 ปี น้องสาวของนายก อบต. บอกว่า ล่าสุดหลังจากแพทย์อนุญาตให้เข้าเยี่ยมพี่ชาย ตอนนี้พี่ชายอาการค่อนข้างจะปลอดภัย แต่มีกระสุนฝังในร่างกาย 4 นัด ที่แขน หัวไหล ขา และมีบาดแผลบริเวณท้ายทอยจากกระสุนถาก 6-7 นัด โดยต้องรอดูอาการอีก 2-3 วัน วันเกิดเหตุพี่ชายมีนัดประชุมโหวตประธานสภานายก อบจ. จึงได้นัดพบปะกันก่อนจะมีการโหวต โดยประเด็นสังหารมุ่งเรื่องการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากก่อนหน้าที่พี่ชายมาลงการเมืองนั้น พี่ชายเป็นนักวิชาการและอาจารย์ ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครมาก่อน และการสังหารที่เกิดขึ้นมุ่งเป้าสังหารทุกคนในรถ

นางสาวอุสา บอกต่อว่า หลังจากที่พี่ชายได้รับตำแหน่งก็จะระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ไม่คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเกิดขึ้น ปกติเวลาออกไปไหนจะไปกัน 2 คัน แต่วันเกิดเหตุเห็นว่าออกไปงานเลี้ยง ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเลยไปด้วยกันคันเดียว

ส่วนเรื่องเหล็กไหลเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้มาจากอาจารย์ ดร.เพ็ญศรี มอบให้พี่ชายมาอีกที ที่ผ่านมาพี่ชายไม่เคยห้อยพระหรือวัตถุมงคลอะไรมาก่อน จนกระทั่งเข้ามาเล่นการเมือง

นางสาวอุสาได้นำสร้อยคอของพี่ชายมาให้ดู พบว่าบริเวณสร้อยจุดที่อยู่ท้ายทอยนั้นเป็นที่ห้อยรอบที่บรรจุเหล็กไหลได้แตกและหลุดหายไป และเป็นบริเวณเดียวกับที่พี่ชายถูกกระสุนปืน 6-7 นัดถาก ไม่เข้าบริเวณนี้ แต่ตอนนี้เหล็กไหลหายไป น่าจะมาจากกระสุนปืนที่ถากโดน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย