BIG STORY : รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่โจรปล้นทองพบพระ-พบหลักฐานสำคัญ

ตาก 13 ก.พ. – พบกระเป๋า ค้อนเหล็ก เสื้อผ้า และรองเท้าบูท ของ 3 คนร้าย ปล้นร้านทองกลางตลาดพบพระ ถูกถอดทิ้งไว้ในลำห้วยวาเล่ย์ที่กั้นระหว่างพรมแดนไทย-เมียนมา คาดผู้ก่อเหตุและช่วยเหลือสนับสนุนการปล้นทองครั้งนี้อาจมีมากกว่า 3 คน


ตำรวจยังคงไล่ล่า 3 โจรบุกปล้นร้านทองกลางตลาดพบพระ จ.ตาก กวาดทองไปกว่า 200 บาท โดยระดมปูพรมตรวจบ้านเป้าหมายและตรวจสอบรถกระบะคันที่ใช้คนร้ายใช้ก่อเหตุและนำไปจอดทิ้งไว้

กรณีคนร้าย 3 คน พร้อมอาวุธ บุกปล้นร้านทอง ชื่อห้างทองกรุงเทพ 4 พบพระ ถนนสายดอนเจดีย์-วาเล่ย์ หมู่ 1 ตำบลพบพระ จังหวัดตาก ใกล้กับทางเข้าออกหน้าโรงพยาบาลอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งตั้งอยู่ย่านใจกลางอำเภอพบพระ และเป็นย่านชุมชน โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่กระจกหน้าร้านทอง ใช้ค้อนทุบจนกระจกแตกละเอียด และยังยิงลูกค้าที่ซื้อทองขณะเกิดเหตุอยู่ภายในร้าน คือ นายชิอาก่า จนเสียชีวิต พร้อมกวาดทองคำกว่า 200 บาท ใส่กระเป๋าวิ่งออกจากร้านทองตรงไปขึ้นท้ายรถกระบะที่จอดสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ หลบหนีมุ่งหน้าไปแนวชายแดนไทย-เมียนมา


ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าคนร้ายออกติดตามจนพบรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บง-1910 คันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ แต่ไม่พบคนร้ายทั้งสามและทอง โดยคนร้ายจอดรถยนต์คันก่อเหตุไว้บนเส้นทางบ้านผากะเจ้อ หมู่ 9 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 6 กิโลเมตร และห่างจากแนวชายแดนไทย-เมียนมา กว่า 8 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยกรถของคนร้ายไปเก็บไว้ที่ สภ.พบพระ ก่อนที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากเข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐานภายในรถของกลางคันดังกล่าว พบวัตถุพยานหลักฐานสำคัญที่คนร้ายทิ้งไว้ในรถหลายรายการ

ตรวจพิสูจน์หลักฐานรถใช้ปล้นทองและรถเกี่ยวข้อง
ขณะที่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.พบพระ และตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดตาก ได้ประสานขอชุดทหารนำสุนัขทหารดมหาวัตถุหลักฐานภายในรถยนต์กระบะคันที่ใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดรถยนต์กระบะสีขาว ซึ่งเป็นรถยนต์ต้องสงสัยอีก 1 คัน ที่จอดทิ้งไว้ริมแม่น้ำเมย ห่างจากจุดพบรถยนต์คันแรกไปไกลกว่า 8 กิโลเมตร ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากได้เข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐาน และได้หลักฐานสำคัญภายในรถยนต์ทั้ง 2 คันที่เชื่อมโยงกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

ขณะเดียวกันตำรวจยังเชิญตัวลูกชายอดีตตำรวจ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของรถที่คนร้ายใช้ขับมาก่อเหตุ โดยลูกชายอดีตนายตำรวจเจ้าของรถยนต์กระบะตอนเดียว ให้การว่า รถของตนเองถูกคนร้ายปล้นไปและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นทองดังกล่าว ขณะนี้ตำรวจได้กันไว้เป็นพยาน พร้อมสอบสวนเชิงลึกนานหลายชั่วโมง


ผบช.ภาค 6 ลงพื้นที่ติดตามคดี
ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมทีมสืบสวนหลายชุดปฏิบัติการ ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมให้กำลังใจนางอำพร อยู่แก้ว เจ้าของร้านทองเกิดเหตุ

ตรวจค้นบ้านเป้าหมาย หวั่นคนร้ายหนีข้ามชายแดน
มีรายงานว่า ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นบ้านกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ชายแดนอำเภอพบพระ พร้อมกัน 3 จุดโดยมีทีมตำรวจติดอาวุธครบมือเข้าตรวจค้นและไล่ล่าคนร้ายทั้งสามด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากคนร้ายทั้งสามมีอาวุธติดตัว และอาจจะมีความเป็นไปได้สูงว่าคนร้ายอาจหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็ยังคงหลบซ่อนตัวในป่าแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา

สำหรับการปล้นร้านทองในครั้งนี้เป็นการปล้นที่อุกอาจที่ไม่เคยเกิดในพื้นที่อำเภอพบพระ ซึ่งตำรวจระบุว่าคนร้ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี และมีการทำงานเป็นทีม มีการวางแผนการขับรถหลบหนีได้แบบชำนาญเส้นทาง

รอง ผบ.ตร.บินด่วนตรวจพื้นที่โจรปล้นทอง
ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อม พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี และฝ่ายสืบสวนฝีมือดีหลายชุดปฏิบัติการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ได้ลงพื้นที่ สภ.พบพระ เพื่อประชุมความคืบหน้า ภายหลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.สุชาติ ได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุที่ห้างทองกรุงเทพ 4 พบพระ พร้อมสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เก็บวัตถุพยานหลักฐานให้ละเอียด จากนั้นได้เดินทางไปยังหมู่บ้านผากะเจ้อ จุดที่พบรถยนต์กระบะสีบรอนซ์เทา ซึ่งเป็นรถยนต์ที่คนร้ายปล้นมาจากนายหนุ่ย เจ้าของรถ ก่อนจะขับรถยนต์กระบะเข้าไปก่อเหตุ และตรวจบริเวณถนนทางการเกษตรท้ายหมู่บ้านยะพอ ซึ่งเป็นจุดพบรถยนต์กระบะสีขาว ซึ่งคาดว่าเป็นรถยนต์คันที่ 2 ที่กลุ่มคนร้ายขับมารับทีมปล้นทั้ง 3 คนออกจากจุดทิ้งรถยนต์กระบะจุดที่ 1 และขับนำพาคนร้ายทั้ง 3 คนไปส่งที่จุดที่ 2 ริมลำห้วยวาเล่ย์ ท้ายหมู่บ้านยะพอ

พบหลักฐานสำคัญคนร้าย
จุดนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญทางคดี โดยนำสุนัขดมกลิ่นทางยุทธวิธีของทหารมาช่วยค้นหาวัตถุพยานหลักฐาน จนสามารถพบกระเป๋าและค้อนเหล็กของคนร้ายอย่างละ 1 ชิ้น และยังตรวจพบเสื้อผ้าและรองเท้าบูทของคนร้ายทั้ง 3 คน ถูกถอดทิ้งไว้ในลำห้วยวาเล่ย์ ซึ่งเป็นลำห้วยกว้างเพียง 10 เมตร ที่กั้นระหว่างพรมแดนไทย-เมียนมา ท้ายหมู่บ้านยะพอ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่งตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากเข้าไปเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และเก็บดีเอ็นเอของวัตถุพยานหลักฐานทุกชิ้นในทุกจุด เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีอย่างละเอียด พร้อมเร่งหาแหล่งร้านค้าที่คนร้ายไปซื้อทั้งเครื่องแต่งกาย พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุ ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากตามลำดับ

เร่งเก็บหลักฐาน ประสานเพื่อนบ้านไล่ล่าคนร้ายอีกทาง
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายวางแผนการปล้นชิงทองมาเป็นอย่างดี ขณะนี้คาดว่าคนร้ายอาจจะหลบหนีเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน หรือซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งได้มีการประสานความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยออกติดตามตัวคนร้ายแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ที่ก่อเหตุและช่วยเหลือสนับสนุนในการปล้นทองครั้งนี้อาจมีมากกว่า 3 คน โดยฝ่ายสืบสวนจำนวนมากถูกระดมกำลังลงพื้นที่ชายแดนอำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลทางคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภราดร” ประกาศลาออก “รองปธ.สภาฯ”

รัฐสภา 19 มิ.ย.- “ภราดร” ประกาศลาออกจาก “รองประธานสภาฯ” รักษาหลักการเสียงข้างมาก คืนอำนาจให้สภาฯ เลือกใหม่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และ สส.จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ประกาศยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานฯ โดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวานนี้ว่ากรรมการบริหารพรรคมีมติให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายนนี้เช่นกัน นายภราดรให้เหตุผลว่า ตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมอยู่ในรัฐบาลแล้ว จึงเห็นว่าควรคืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกรองประธานฯคนใหม่ด้วยมติเสียงข้างมาก ตามธรรมเนียมที่เคยถือปฏิบัติมา “ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้เกียรติเลือกผมมาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ในการทำงานที่มีคุณค่า และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมงานของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองทุกคนที่ได้ทุ่มเททำงานจนบรรลุภารกิจไปหลายประการ ซึ่งล้วนสร้างความก้าวหน้าให้กับสภาของประชาชน กราบขอบพระคุณท่านประธานและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ที่ได้ให้ความเมตตาผมอย่างยิ่งในการทำงาน” นายภราดรกล่าว พร้อมย้ำว่าจะฝากงานหลายอย่างที่ได้ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะโครงการเปิดพื้นที่รัฐสภาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง โครงการวันรัฐธรรมนูญ กิจกรรมสภาวาที การพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาให้เป็นสถานีของประชาชน โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม และการต่อยอดโครงการยุวชนประชาธิปไตยที่สร้างเสริมศักยภาพเยาวชน ให้ผู้รับตำแหน่งคนต่อไปได้มาสานต่อ นอกจากนี้ นายภราดรยังยืนยันจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป.312 -สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์สำนวนก่อนลบทิ้ง เตรียมเข้าทำเนียบฯ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์สำนวน “ผู้คน ไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งโอเค” ก่อนลบทิ้ง ยกเลิกประชุมทีมคณะที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เข้าทำเนียบ เมื่อเวลา 08.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) พบว่า มีการแชร์สตอรี่อินสตาแกรม เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ ระบุว่า “People don’t fake depression.They fake being okay. Remember that. Be kind.” ซึ่งมีความหมายว่า “คนเราไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งว่าตัวเองโอเคต่างหาก, จำไว้นะ จงมีเมตตา” พร้อมซาวด์ดนตรี Another love อย่างไรก็ตามในเวลา 08.54 น. นายกรัฐมนตรี ได้ลบโพสต์ดังกล่าว ออกจากสตอรี่อินสตราแกรม ทำให้ไม่มีข้อความปรากฏแล้ว ขณะเดียวกัน ยังรายงานอีกว่า วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจ […]

“กัญจนา” เชื่อ “วราวุธ’” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย.- “หนูนา กัญจนา” ชี้พรรคชาติไทยพัฒนาแม้เป็นพรรคเล็ก แต่ศักดิ์ศรีรักบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งใหญ่เสมอ เชื่อ “วราวุธ” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีคลิปเสียงสนทนาสองผู้นำไทย-กัมพูชา ว่า “ณ วันนี้ ดิฉันไม่ได้นิยามตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ถอยออกมามานานแล้ว แต่ที่ดิฉันเป็นเสมอคือ เป็นคนไทยที่รักแผ่นดินเกิด “จุดยืนของดิฉันมั่นคงมาตลอดเหมือนพ่อ คือยึดมั่นต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเชื่อว่าน้องชายดิฉัน (นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ก็เช่นกัน” น.ส.กัญจนา ยังระบุอีกว่า “แม้ที่ผ่านมา เขาอาจจะพูดอะไรพลาดบ้าง นั่นก็เป็นบทเรียนในชีวิตให้เขาต้องจดจำ วันนี้ดิฉันแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แม้พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ศักดิ์ศรี และความรักบ้านเกิดเมืองนอนต้องยิ่งใหญ่เสมอ” “ดิฉันเชื่อว่า พรรค และหัวหน้าพรรคจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ทำในสิ่งที่ควรทำ” -สำนักข่าวไทย

นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัว

19 มิ.ย.- นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี กลางดึก หลัง “ภูมิใจไทย” ประกาศถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ความเคลื่อนไหวช่วงกลางดึกในเวลา 21.08 น. ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะยื่นใบลาออกมีผลวันนี้ (19 มิ.ย.) พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบทำประเทศเสียเกียรติภูมิ นั้น พบว่าสตอรี่อินสตราแกรมของ นายกรัฐมนตรี ยังคงมีการเคลื่อนไหวผ่านการรีโพสต์สตอรี่ ที่มีคนโพสต์และแท็ก โดยเป็นภาพระหว่างสื่อมวลชนตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเป็นโพสต์รูปภาพของนายกรัฐมนตรี พร้อมใส่เพลง “ทำด้วยหัวใจ” โดยไม่มีการใส่แคปชั่น หรือระบุข้อความใดใดในภาพ รวมถึงคลิปที่นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ด้วย -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลออกแถลงการณ์โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน” ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหาผู้นำกัมพูชา ย้ำแก้ปัญหายึดสันติวิธี รักษาอธิปไตยไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา […]

กต. ทำหนังสือประท้วงกัมพูชากรณีปล่อยคลิปเสียงหลุด

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือประท้วงกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย-ฮุน เซน ย้ำผิดมารยาทและผิดหลักปฏิบัติสากล และทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ของกัมพูชา ต่อสาธารณชนวานนี้ (18 มิ.ย.68) ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณ และมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ ถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมเน้นย้ำว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ และให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลในการเจริญสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าว ผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญให้เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งว่าการกระทำข้างต้นของทางกัมพูชาเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เป็นการทำลายความไว้ใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง ซึ่งการออกหนังสือดังกล่าวเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินการอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาแล้ว พร้อมยืนยันว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต […]

นายกฯ แถลงขอโทษคนไทยปมคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน”

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – นายกฯ แถลงขอโทษคนไทยทุกคน กรณีคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น ได้คุย มทภ.2 และทำความเข้าใจกับกองทัพ โดยได้อธิบายถึงเจตนาที่แท้จริง ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเผยแพร่ ย้ำวันนี้ไทยต้องร่วมมือผนึกกำลัง ปกป้องอธิปไตย ทุกภาคส่วนสรุปว่า “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพบ เพื่อรายงานผลการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดกรณีคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนอื่นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนและคนไทยทุกคนในเรื่องกรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาระหว่างที่ตนคุยกับผู้นำกัมพูชา ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่และกองทัพ อธิบายถึงเหตุผลว่าเป็นเพียงแท็กติกของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจก่อน เพื่อจะคุยถึงต่อไป เป็นการต่อรองเพื่อให้การปะทะนั้นหยุดลง ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงว่าต้องการจะให้สถานการณ์สงบสุขเท่านั้นเอง และไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่เช่นนี้ ก็ได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว และรับฟังว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยทุกคนต้องผนึกกำลังเอาไว้ วันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่ากรณีดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ของประชาชนหรือของอะไร ที่จะพูดถึงว่ารัฐบาลหรือกองทัพต้องมาสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เราต้องปกปกอธิปไตย ยินดีสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ และวันนี้การที่เราจะทำอะไรหรือตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย รวมทั้งประชาชนตรงชายแดน […]

ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่น ปชต. ย้ำเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี”

กองทัพบก 19 มิ.ย. – ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ย้ำสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี” พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ-313 .-สำนักข่าวไทย