ภูเก็ต 11 ก.พ. – ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับ 2 คนร้ายชาวแคนาดา ที่ใช้อาวุธปืนบุกยิงนายจิมมี่ ชาวอินเดียเสียชีวิตในวิลล่าภูเก็ต ช่วงบ่ายวันนี้มีรายงานว่าตำรวจจะเชิญเจ้าของอาวุธปืนทั้งสองกระบอกมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง
ความคืบหน้าล่าสุดเช้านี้ จากการตรวจสอบในพื้นที่พบว่า ตำรวจยังไม่ได้ขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับคนร้ายชาวแคนาดาทั้งสองคนที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปสังหารโหดนายจิมมี่ ซันธู ภายในวิลล่า ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ลงพื้นที่ร่วมประชุมกับตำรวจชุดสืบสวนและคลี่คลายคดีนานกว่า 2 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ ระบุว่าตำรวจจะทำงานให้เร็วที่สุดเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม แม้ว่า 2 คนร้ายชาวแคนาดาจะหลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยใช้เส้นทางสนามบินปกติ แต่ตำรวจทราบแล้วว่าปลายทางคือประเทศใด และยืนยันว่าได้มีการพูดคุยประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับตำรวจในประเทศดังกล่าว เพื่อขอให้ติดตามจับกุมตัว 2 คนร้ายส่งกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจรวบหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ร่วมก่อเหตุได้ก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นผู้ติดตั้งเครื่อง GPS และเครื่องดักฟังภายในรถยนต์ของผู้ตาย ผบ.ตร. ระบุว่าผู้ที่จับได้ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับคนร้ายชาวแคนาดาที่ก่อเหตุทั้งสองคน ส่วนคดีสังหารโหดครั้งนี้จะมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 2 คนหรือไม่ มีใครเป็นผู้สั่งการ และมีคนไทยเกี่ยวข้องหรือ รอตำรวจสอบสวนและขยายผลอีกครั้ง ไม่ขอเปิดเผย เพราะจะกระทบกับรูปคดี ยืนยันว่าตำรวจจะจับกุมผู้เกี่ยวข้องทุกคนมาดำเนินคดี รวมถึงจะเชิญเจ้าของอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก ที่พิสูจน์หลักฐานค้นพบบริเวณชายหาดมิตรภาพห่างจุดเกิดเหตุราว 120 เมตร คาดว่าคนร้าย ทิ้งไว้ขณะหลบหนีมาสอบปากคำเพิ่มเติมว่ามีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของนายจิมมี่หรือไม่ด้วย ซึ่งเมื่อรวบรวมพยานวัตถุและพยานบุคคลได้แน่นหนามากขึ้น คาดว่าจะสามารถขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับได้ไม่เกิน 1-2 วันนี้ โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
สำหรับคนร้ายชาวแคนาดาทั้งสองคนมีประวัติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ใน จ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคมปีที่แล้ว โดยได้เดินทางไปในหลายพื้นที่ของภูเก็ตและของประเทศไทย เป็นอดีตทหารทั้งคู่ และหนึ่งในคนร้ายเคยมีประวัติก่ออาชญากรรมมาแล้ว หากดูตามหลักฐานการเข้าเมืองของคนร้ายทั้งสองคน และหลักฐานการเข้าเมืองของผู้ตาย พบว่าคนร้ายเดินทางเข้าประเทศไทยมาก่อนหน้าผู้ตายที่เดินทางเข้ามาเมื่อ 27 มกราคม ส่วนจะใช้เอกสารหลักฐานปลอมในการเข้าประเทศหรือไม่ ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบแล้ว. – สำนักข่าวไทย