เปิดคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้องพี่เขยข่มขืนสาวสุพรรณฯ

อสมท 9 ก.พ.- ที่นี่ที่เดียว! เปิดหมดเปลือก ทุกประเด็นศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องพี่เขยที่ถูกสาวสุพรรณฯ แจ้งความเอาผิดฐานข่มขืน ก่อนกลายเป็นเรื่องสลดใจเมื่อสาวสุพรรณฯ คิดสั้นกินยาฆ่าตัวตาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง

ความคืบหน้ากรณีสาวสุพรรณฯวัย 29 ปี แจ้งความดำเนินคดีกับพี่เขยว่าก่อเหตุข่มขืนตนในบ้านพักเมื่อเดือนเมษายน 2562 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารผู้อื่นและให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา แต่ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยในข้อหากระทำอนาจาร


หลังจากนั้น สาวสุพรรณฯ ผู้เสียหายได้ก่อเหตุกินยาฆ่าตัวตาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง ซึ่งญาติได้ประกอบพิธีฌาปนกิจที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่ล่าสุดเช้าวันนี้ (9 ก.พ.) สามีผู้ตายพร้อมญาติได้เดินทางมาที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องราวที่เกิดขึ้นเนื่องจากคดีนี้กำลังเป็นที่สนใจของสังคม สำนักข่าวไทย อสมท จึงขอนำรายละเอียดคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้มานำเสนอ ดังนี้

คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 3912/2564 วันที่ 20 กันยายน 2564 คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นโจทก์ ฟ้องนายดำ(นามสมมุติ) จำเลย ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา


โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยข่มขืนกระทำชำเรานางสาว พ. ผู้เสียหาย โดยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย เพื่อสนองความใคร่ของจำเลยโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เหตุเกิดที่ตำบลต้นตาล อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276
จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารผู้อื่น และให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา เนื่องจากผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่พบเชื้ออสุจิในช่องคลอดของผู้เสียหาย แต่พบหลักฐานว่ากางเกงของผู้เสียหายที่ใส่ในคืนเกิดเหตุ เมื่อนำไปตรวจพิสูจน์แล้วพบ DNA ของจำเลยอยู่ที่กางเกงตัวดังกล่าวโดยไม่พบอสุจิ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278(เดิม) ลงโทษจำคุก 3 ปี และให้จำเลยชำระเงินแก่ผู้เสียหาย 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่เกิดเหตุจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นสามีของนางพจมาน ซึ่งเป็นพี่สาวของนายจีรศักดิ์ สามีของผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 ผู้เสียหายกับสามีไปแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ธนโชติ เล้าพูนผล พนักงานสอบสวน ว่าถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราพร้อมกับนำกางเกงขาสั้นสีฟ้า ไปมอบให้ ร.ต.ท.ธนโชติ ได้ส่งตัวผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 หรือไม่


โจทก์มีผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า ในวันและเวลาเกิดเหตุผู้เสียหายมีอาการเมาไม่รู้สึกตัว นายจีรศักดิ์อุ้มผู้เสียหายขึ้นไปบนบ้านแล้วพาผู้เสียหายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและพาผู้เสียหายเข้านอน เมื่อนายจีรศักดิ์ลงจากบ้านไปได้ไม่นาน นางประมวลตะโกนบอกว่าผู้เสียหายอาเจียนและปัสสาวะรดกางเกง นายจีรศักดิ์ขึ้นไปบนบ้านเปลี่ยนกางเกงให้ผู้เสียหายเป็นกางเกงขาสั้นเอวยางยืดสีฟ้า ไม่ได้นุ่งกางเกงใน แล้วเปิดไฟบริเวณหัวนอนไว้

ขณะนั้นจำเลยพานางพจมาน ภริยาจำเลย ซึ่งมีอาการเมาเช่นกันขึ้นไปบนบ้านในเวลาไล่เลี่ยกัน เวลาประมาณ 23 นาฬิกาเศษ ใกล้จะเที่ยงคืน ผู้เสียหายรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เนื่องจากมีคนมาคร่อมบนตัวของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายลืมตาเห็นว่าเป็นจำเลยไม่ได้สวมเสื้อผ้า ผู้เสียหายร้องเฮ้ย จำเลยรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหลบหนีไป ผู้เสียหายใช้มือคลำอวัยวะเพศของตนรู้สึกแฉะบริเวณหัวหน่าว เมื่อนำขึ้นมาดมรู้ว่าเป็นกลิ่นน้ำอสุจิ ผู้เสียหายพยายามลุกขึ้นแต่ไม่มีแรง จึงคลานไปที่ห้องน้ำเอาน้ำราดศีรษะ และได้ความจากนายจีรศักดิ์ พยานโจทก์ ว่า เมื่อพาผู้เสียหายเข้านอนแล้วนายจีรศักดิ์ลงไปที่วงสุราประมาณ 10 นาที เห็นจำเลยกลับมาที่วงสุรานั่งอยู่ประมาณ 5 นาที จำเลยก็กลับขึ้นบนบ้าน

นายจีรศักดิ์สังเกตเห็นว่าไฟบริเวณหัวนอนถูกปิด และได้ยินเสียงคนในห้องน้ำ จึงเข้าไปที่ห้องน้ำพบผู้เสียหายนอนฟุบอยู่ ผู้เสียหายบอกให้นายจีรศักดิ์เอาน้ำราดศีรษะให้ ผู้เสียหายยันตัวเองขึ้นนั่งแล้วถอดกางเกงเอวยางยืดสีฟ้าออก นายจีรศักดิ์พาผู้เสียหายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่ ผู้เสียหายถามนายจีรศักดิ์ว่าได้ร่วมเพศผู้เสียหายหรือไม่ เมื่อนายจีรศักดิ์ปฏิเสธ ผู้เสียหายร้องไห้ นายจีรศักดิ์จึงคิดว่าคงมีคนแอบเข้ามาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย

นายจีรศักดิ์ไปหยิบกางเกงขาสั้นสีฟ้าของผู้เสียหายที่อยู่ในห้องน้ำมาดมกลิ่น แน่ใจว่าเป็นกลิ่นของน้ำอสุจิ นายจีรศักดิ์จึงปลุกมารดา จำเลย และนางพจมาน ภริยาจำเลย แล้วนำกางเกงดังกล่าวมาให้ดม และนำไปให้เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในวงสุราดมด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียว ศาลจึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายเบิกความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายเมาสุรามาก นายจีรศักดิ์ สามีของผู้เสียหาย อุ้มขึ้นมาอาบน้ำ แล้วพาผู้เสียหายไปนอนในห้องนอน ผู้เสียหายรู้สึกอึดอัดจึงถอดเสื้อออก สวมแต่เพียงกางเกงขาสั้นสีฟ้าเพียงตัวเดียวและไม่ได้สวมกางเกงใน
ประมาณใกล้เที่ยงคืน ผู้เสียหายรู้สึกตัวขึ้นมา เห็นจำเลยคร่อมอยู่บนตัวของผู้เสียหาย ผู้เสียหายใช้มือคลำดูที่อวัยวะเพศพบว่ามีน้ำอสุจิ เอาขึ้นมาดมดูก็ได้กลิ่นน้ำอสุจิ ผู้เสียหายร้องเฮ้ย จำเลยวิ่งหลบหนีไป ขณะเกิดเหตุจำเลยทำอะไรกับผู้เสียหายบ้าง ผู้เสียหายก็ไม่ทราบและผู้เสียหายอ้างว่าไม่รู้สึกตัว จะถูกเอาอวัยวะเพศชายสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายหรือไม่ ผู้เสียหายก็ไม่ทราบเพราะไม่รู้สึกตัว แตกต่างกับคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายกลับให้การว่าขณะผู้เสียหายรู้สึกตัวขึ้นมา มองเห็นจำเลยกำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยอวัยวะเพศของจำเลยอยู่ในช่องคลอดของผู้เสียหาย

คำเบิกความของผู้เสียหายจึงมีพิรุธน่าสงสัย ที่ผู้เสียหายเบิกความว่าหลังจากจำเลยวิ่งหลบหนีไป ผู้เสียหายพยายามโทรศัพท์หาสามี แต่โทรติดต่อไม่ได้นั้น ผู้เสียหายก็น่าจะตะโกนเรียกสามีซึ่งนั่งดื่มสุราอยู่กับพวกบริเวณหน้าบ้าน ทั้งสภาพห้องนอนผู้เสียหายมีเพียงตู้กั้นเป็นห้องนอน ไม่มีประตู ขณะเกิดเหตุนางประมวล มารดาของนายจีรศักดิ์ กับหลานและภริยาของจำเลยก็นอนอยู่บนบ้าน ผู้เสียหายก็น่าจะตะโกนเรียกบุคคลดังกล่าว เพราะก่อนหน้านั้นผู้เสียหายอาเจียนและปัสสาวะใส่กางเกง ผู้เสียหายยังตะโกนเรียกให้สามีมาเปลี่ยนกางเกงให้ และนางประมวลเป็นคนเรียกให้นายจีรศักดิ์มาเปลี่ยนกางเกงให้ผู้เสียหาย

ต่อมาเมื่อสามีผู้เสียหายขึ้นมาบนบ้าน ผู้เสียหายกลับไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีทราบ ที่ผู้เสียหายอ้างว่าเหตุที่ไม่ยอมบอกสามี เพราะสามีเป็นคนใจร้อนกลัวจะมีเรื่องนั้น ไม่มีเหตุผลรับฟัง เพราะในตอนแรกเหตุที่ผู้เสียหายพยายามโทรศัพท์หาสามีนั้น น่าเชื่อว่าเพราะผู้เสียหายต้องการบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีทราบ

ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้นที่ผู้เสียหายกับนายจีรศักดิ์พยานโจทก์ทั้งสองเบิกความทำนองเดียวกันว่า เมื่อกลับมานอนผู้เสียหายถามนายจีรศักดิ์ว่าร่วมเพศกับผู้เสียหายหรือไม่ นายจีรศักดิ์จึงหยิบอาวุธปืนมานั้น ก็มีพิรุธน่าสงสัย เพราะหากผู้เสียหายรู้สึกตัวขึ้นมาเห็นจำเลยซึ่งไม่ได้สวมเสื้อคร่อมอยู่บนตัวผู้เสียหาย ทั้งขณะนั้นผู้เสียหายรู้อยู่แล้วว่านายจีรศักดิ์ก็ไม่ได้อยู่ในห้องนอนและผู้เสียหายพยายามโทรศัพท์ติดต่อนายจีรศักดิ์ จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้เสียหายจะถามนายจีรศักดิ์เช่นนี้ และผู้เสียหายกลับบอกกับนายจีรศักดิ์ว่าคงฝันไปมั้ง นายจีรศักดิ์พยายามคาดคั้น แต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมบอก นายจีรศักดิ์จึงไปหยิบกางเกงขาสั้นของผู้เสียหาย ซึ่งเปียกน้ำในห้องน้ำมาดมดูได้กลิ่นเหมือนน้ำอสุจิผู้ชายนั้น คำเบิกความของนายจีรศักดิ์ดังกล่าวมีพิรุธน่าสงสัย เพราะเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งที่สามีของผู้เสียหายจะมาดมกลิ่นน้ำอสุจิของชายที่ล่วงละเมิดทางเพศภริยาของตนเช่นนี้ ทั้งผลการตรวจพิสูจน์กางเกงของผู้เสียหายที่ผู้เสียหายกับนายจีรศักดิ์นำไปมอบให้พนักงานสอบสวน ก็ไม่พบคราบอสุจิที่กางเกงดังกล่าว และในเรื่องที่ผู้เสียหายเบิกความในตอนแรกว่า ผู้เสียหายคลำที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายพบน้ำอสุจิ และเอาขึ้นมาดมได้กลิ่นน้ำอสุจินั้น ก็เป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของผู้หญิง ซึ่งน่าจะรังเกียจการที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศดังกล่าว ไม่น่าจะนำเอาน้ำอสุจิของชายที่ล่วงละเมิดทางเพศตนมาดมเช่นนี้

นอกจากนี้ นางประมวล พยานโจทก์ เบิกความว่า พยานเข้าไปสอบถามผู้เสียหายในห้องนอนกับนายจีรศักดิ์ ผู้เสียหายบอกว่ามีคนข่มขืนกระทำชำเรา แต่ไม่ได้บอกว่าคือใคร พยานถามผู้เสียหายว่าเมาหรือเปล่า ผู้เสียหายยืนยันว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราจริง แต่จำไม่ได้ จึงมีพิรุธว่าเพราะเหตุใดในขณะนั้นผู้เสียหายจึงไม่ยอมบอกว่า ผู้เสียหายถูกบุคคลใดกระทำดังกล่าว ส่วนผลการตรวจพิสูจน์พบดีเอ็นเอของจำเลยที่กางเกงสีน้ำเงินหรือสีฟ้า ซึ่งเป็นกางเกงที่ผู้เสียหายสวมใส่ในคืนเกิดเหตุนั้น จึงน่าจะมีดีเอ็นเอของผู้เสียหายอยู่ แต่ผลการตรวจพิสูจน์กลับไม่พบดีเอ็นเอของผู้เสียหายที่กางเกงดังกล่าว

พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมา มีพิรุธและยังมีความสงสัยว่าจำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหาย โดยขึ้นคร่อมบนตัวผู้เสียหายและหลั่งน้ำอสุจิบนร่างกายผู้เสียหายหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278(เดิม) และยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤซาธรรมเนียมในส่วนแพ่งทั้งสามศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

เหนือ-อีสานตอนบน-ตะวันออก ฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 5 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ อีสานตอนบน และภาคตะวันออก ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ดานัส”แล้ว คาดว่า […]

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]