เปิดคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้องพี่เขยข่มขืนสาวสุพรรณฯ

อสมท 9 ก.พ.- ที่นี่ที่เดียว! เปิดหมดเปลือก ทุกประเด็นศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องพี่เขยที่ถูกสาวสุพรรณฯ แจ้งความเอาผิดฐานข่มขืน ก่อนกลายเป็นเรื่องสลดใจเมื่อสาวสุพรรณฯ คิดสั้นกินยาฆ่าตัวตาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง

ความคืบหน้ากรณีสาวสุพรรณฯวัย 29 ปี แจ้งความดำเนินคดีกับพี่เขยว่าก่อเหตุข่มขืนตนในบ้านพักเมื่อเดือนเมษายน 2562 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารผู้อื่นและให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา แต่ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยในข้อหากระทำอนาจาร


หลังจากนั้น สาวสุพรรณฯ ผู้เสียหายได้ก่อเหตุกินยาฆ่าตัวตาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง ซึ่งญาติได้ประกอบพิธีฌาปนกิจที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่ล่าสุดเช้าวันนี้ (9 ก.พ.) สามีผู้ตายพร้อมญาติได้เดินทางมาที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องราวที่เกิดขึ้นเนื่องจากคดีนี้กำลังเป็นที่สนใจของสังคม สำนักข่าวไทย อสมท จึงขอนำรายละเอียดคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้มานำเสนอ ดังนี้

คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 3912/2564 วันที่ 20 กันยายน 2564 คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นโจทก์ ฟ้องนายดำ(นามสมมุติ) จำเลย ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา


โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยข่มขืนกระทำชำเรานางสาว พ. ผู้เสียหาย โดยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย เพื่อสนองความใคร่ของจำเลยโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เหตุเกิดที่ตำบลต้นตาล อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276
จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารผู้อื่น และให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา เนื่องจากผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่พบเชื้ออสุจิในช่องคลอดของผู้เสียหาย แต่พบหลักฐานว่ากางเกงของผู้เสียหายที่ใส่ในคืนเกิดเหตุ เมื่อนำไปตรวจพิสูจน์แล้วพบ DNA ของจำเลยอยู่ที่กางเกงตัวดังกล่าวโดยไม่พบอสุจิ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278(เดิม) ลงโทษจำคุก 3 ปี และให้จำเลยชำระเงินแก่ผู้เสียหาย 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่เกิดเหตุจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นสามีของนางพจมาน ซึ่งเป็นพี่สาวของนายจีรศักดิ์ สามีของผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 ผู้เสียหายกับสามีไปแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ธนโชติ เล้าพูนผล พนักงานสอบสวน ว่าถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราพร้อมกับนำกางเกงขาสั้นสีฟ้า ไปมอบให้ ร.ต.ท.ธนโชติ ได้ส่งตัวผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 หรือไม่


โจทก์มีผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า ในวันและเวลาเกิดเหตุผู้เสียหายมีอาการเมาไม่รู้สึกตัว นายจีรศักดิ์อุ้มผู้เสียหายขึ้นไปบนบ้านแล้วพาผู้เสียหายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและพาผู้เสียหายเข้านอน เมื่อนายจีรศักดิ์ลงจากบ้านไปได้ไม่นาน นางประมวลตะโกนบอกว่าผู้เสียหายอาเจียนและปัสสาวะรดกางเกง นายจีรศักดิ์ขึ้นไปบนบ้านเปลี่ยนกางเกงให้ผู้เสียหายเป็นกางเกงขาสั้นเอวยางยืดสีฟ้า ไม่ได้นุ่งกางเกงใน แล้วเปิดไฟบริเวณหัวนอนไว้

ขณะนั้นจำเลยพานางพจมาน ภริยาจำเลย ซึ่งมีอาการเมาเช่นกันขึ้นไปบนบ้านในเวลาไล่เลี่ยกัน เวลาประมาณ 23 นาฬิกาเศษ ใกล้จะเที่ยงคืน ผู้เสียหายรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เนื่องจากมีคนมาคร่อมบนตัวของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายลืมตาเห็นว่าเป็นจำเลยไม่ได้สวมเสื้อผ้า ผู้เสียหายร้องเฮ้ย จำเลยรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหลบหนีไป ผู้เสียหายใช้มือคลำอวัยวะเพศของตนรู้สึกแฉะบริเวณหัวหน่าว เมื่อนำขึ้นมาดมรู้ว่าเป็นกลิ่นน้ำอสุจิ ผู้เสียหายพยายามลุกขึ้นแต่ไม่มีแรง จึงคลานไปที่ห้องน้ำเอาน้ำราดศีรษะ และได้ความจากนายจีรศักดิ์ พยานโจทก์ ว่า เมื่อพาผู้เสียหายเข้านอนแล้วนายจีรศักดิ์ลงไปที่วงสุราประมาณ 10 นาที เห็นจำเลยกลับมาที่วงสุรานั่งอยู่ประมาณ 5 นาที จำเลยก็กลับขึ้นบนบ้าน

นายจีรศักดิ์สังเกตเห็นว่าไฟบริเวณหัวนอนถูกปิด และได้ยินเสียงคนในห้องน้ำ จึงเข้าไปที่ห้องน้ำพบผู้เสียหายนอนฟุบอยู่ ผู้เสียหายบอกให้นายจีรศักดิ์เอาน้ำราดศีรษะให้ ผู้เสียหายยันตัวเองขึ้นนั่งแล้วถอดกางเกงเอวยางยืดสีฟ้าออก นายจีรศักดิ์พาผู้เสียหายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่ ผู้เสียหายถามนายจีรศักดิ์ว่าได้ร่วมเพศผู้เสียหายหรือไม่ เมื่อนายจีรศักดิ์ปฏิเสธ ผู้เสียหายร้องไห้ นายจีรศักดิ์จึงคิดว่าคงมีคนแอบเข้ามาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย

นายจีรศักดิ์ไปหยิบกางเกงขาสั้นสีฟ้าของผู้เสียหายที่อยู่ในห้องน้ำมาดมกลิ่น แน่ใจว่าเป็นกลิ่นของน้ำอสุจิ นายจีรศักดิ์จึงปลุกมารดา จำเลย และนางพจมาน ภริยาจำเลย แล้วนำกางเกงดังกล่าวมาให้ดม และนำไปให้เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในวงสุราดมด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียว ศาลจึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายเบิกความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงว่า คืนเกิดเหตุผู้เสียหายเมาสุรามาก นายจีรศักดิ์ สามีของผู้เสียหาย อุ้มขึ้นมาอาบน้ำ แล้วพาผู้เสียหายไปนอนในห้องนอน ผู้เสียหายรู้สึกอึดอัดจึงถอดเสื้อออก สวมแต่เพียงกางเกงขาสั้นสีฟ้าเพียงตัวเดียวและไม่ได้สวมกางเกงใน
ประมาณใกล้เที่ยงคืน ผู้เสียหายรู้สึกตัวขึ้นมา เห็นจำเลยคร่อมอยู่บนตัวของผู้เสียหาย ผู้เสียหายใช้มือคลำดูที่อวัยวะเพศพบว่ามีน้ำอสุจิ เอาขึ้นมาดมดูก็ได้กลิ่นน้ำอสุจิ ผู้เสียหายร้องเฮ้ย จำเลยวิ่งหลบหนีไป ขณะเกิดเหตุจำเลยทำอะไรกับผู้เสียหายบ้าง ผู้เสียหายก็ไม่ทราบและผู้เสียหายอ้างว่าไม่รู้สึกตัว จะถูกเอาอวัยวะเพศชายสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายหรือไม่ ผู้เสียหายก็ไม่ทราบเพราะไม่รู้สึกตัว แตกต่างกับคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายกลับให้การว่าขณะผู้เสียหายรู้สึกตัวขึ้นมา มองเห็นจำเลยกำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยอวัยวะเพศของจำเลยอยู่ในช่องคลอดของผู้เสียหาย

คำเบิกความของผู้เสียหายจึงมีพิรุธน่าสงสัย ที่ผู้เสียหายเบิกความว่าหลังจากจำเลยวิ่งหลบหนีไป ผู้เสียหายพยายามโทรศัพท์หาสามี แต่โทรติดต่อไม่ได้นั้น ผู้เสียหายก็น่าจะตะโกนเรียกสามีซึ่งนั่งดื่มสุราอยู่กับพวกบริเวณหน้าบ้าน ทั้งสภาพห้องนอนผู้เสียหายมีเพียงตู้กั้นเป็นห้องนอน ไม่มีประตู ขณะเกิดเหตุนางประมวล มารดาของนายจีรศักดิ์ กับหลานและภริยาของจำเลยก็นอนอยู่บนบ้าน ผู้เสียหายก็น่าจะตะโกนเรียกบุคคลดังกล่าว เพราะก่อนหน้านั้นผู้เสียหายอาเจียนและปัสสาวะใส่กางเกง ผู้เสียหายยังตะโกนเรียกให้สามีมาเปลี่ยนกางเกงให้ และนางประมวลเป็นคนเรียกให้นายจีรศักดิ์มาเปลี่ยนกางเกงให้ผู้เสียหาย

ต่อมาเมื่อสามีผู้เสียหายขึ้นมาบนบ้าน ผู้เสียหายกลับไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีทราบ ที่ผู้เสียหายอ้างว่าเหตุที่ไม่ยอมบอกสามี เพราะสามีเป็นคนใจร้อนกลัวจะมีเรื่องนั้น ไม่มีเหตุผลรับฟัง เพราะในตอนแรกเหตุที่ผู้เสียหายพยายามโทรศัพท์หาสามีนั้น น่าเชื่อว่าเพราะผู้เสียหายต้องการบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีทราบ

ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้นที่ผู้เสียหายกับนายจีรศักดิ์พยานโจทก์ทั้งสองเบิกความทำนองเดียวกันว่า เมื่อกลับมานอนผู้เสียหายถามนายจีรศักดิ์ว่าร่วมเพศกับผู้เสียหายหรือไม่ นายจีรศักดิ์จึงหยิบอาวุธปืนมานั้น ก็มีพิรุธน่าสงสัย เพราะหากผู้เสียหายรู้สึกตัวขึ้นมาเห็นจำเลยซึ่งไม่ได้สวมเสื้อคร่อมอยู่บนตัวผู้เสียหาย ทั้งขณะนั้นผู้เสียหายรู้อยู่แล้วว่านายจีรศักดิ์ก็ไม่ได้อยู่ในห้องนอนและผู้เสียหายพยายามโทรศัพท์ติดต่อนายจีรศักดิ์ จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้เสียหายจะถามนายจีรศักดิ์เช่นนี้ และผู้เสียหายกลับบอกกับนายจีรศักดิ์ว่าคงฝันไปมั้ง นายจีรศักดิ์พยายามคาดคั้น แต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมบอก นายจีรศักดิ์จึงไปหยิบกางเกงขาสั้นของผู้เสียหาย ซึ่งเปียกน้ำในห้องน้ำมาดมดูได้กลิ่นเหมือนน้ำอสุจิผู้ชายนั้น คำเบิกความของนายจีรศักดิ์ดังกล่าวมีพิรุธน่าสงสัย เพราะเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยอย่างยิ่งที่สามีของผู้เสียหายจะมาดมกลิ่นน้ำอสุจิของชายที่ล่วงละเมิดทางเพศภริยาของตนเช่นนี้ ทั้งผลการตรวจพิสูจน์กางเกงของผู้เสียหายที่ผู้เสียหายกับนายจีรศักดิ์นำไปมอบให้พนักงานสอบสวน ก็ไม่พบคราบอสุจิที่กางเกงดังกล่าว และในเรื่องที่ผู้เสียหายเบิกความในตอนแรกว่า ผู้เสียหายคลำที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายพบน้ำอสุจิ และเอาขึ้นมาดมได้กลิ่นน้ำอสุจินั้น ก็เป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของผู้หญิง ซึ่งน่าจะรังเกียจการที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศดังกล่าว ไม่น่าจะนำเอาน้ำอสุจิของชายที่ล่วงละเมิดทางเพศตนมาดมเช่นนี้

นอกจากนี้ นางประมวล พยานโจทก์ เบิกความว่า พยานเข้าไปสอบถามผู้เสียหายในห้องนอนกับนายจีรศักดิ์ ผู้เสียหายบอกว่ามีคนข่มขืนกระทำชำเรา แต่ไม่ได้บอกว่าคือใคร พยานถามผู้เสียหายว่าเมาหรือเปล่า ผู้เสียหายยืนยันว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราจริง แต่จำไม่ได้ จึงมีพิรุธว่าเพราะเหตุใดในขณะนั้นผู้เสียหายจึงไม่ยอมบอกว่า ผู้เสียหายถูกบุคคลใดกระทำดังกล่าว ส่วนผลการตรวจพิสูจน์พบดีเอ็นเอของจำเลยที่กางเกงสีน้ำเงินหรือสีฟ้า ซึ่งเป็นกางเกงที่ผู้เสียหายสวมใส่ในคืนเกิดเหตุนั้น จึงน่าจะมีดีเอ็นเอของผู้เสียหายอยู่ แต่ผลการตรวจพิสูจน์กลับไม่พบดีเอ็นเอของผู้เสียหายที่กางเกงดังกล่าว

พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมา มีพิรุธและยังมีความสงสัยว่าจำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหาย โดยขึ้นคร่อมบนตัวผู้เสียหายและหลั่งน้ำอสุจิบนร่างกายผู้เสียหายหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278(เดิม) และยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤซาธรรมเนียมในส่วนแพ่งทั้งสามศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย

ทูตไทยจ่อแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค.นี้

นิวยอร์ก 25 ก.ค.-ทูตไทยเตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดและเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (24 ก.ค.)โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว […]

องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่ จนท.-ประชาชนได้รับผลกระทบชายแดน

อุบลราชธานี 25 ก.ค.-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เดินไปยังพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี และขณะนี้องคมนตรีได้เชิญสิ่งของพระราชทานในจุดที่ 1 จ.อุบลราชธานี แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 200 ชุด มอบแก่ประชาชน 75 ชุด จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพและจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ช่องบ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นจุดปะทะ ชาวบ้านได้อพยพมาอยู่ในหลุมหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนจึงได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จากนั้นยังมีรายงานจากรองโฆษกกองทัพบกว่า สถานการณ์ในวันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึง 08.00 น. […]