เมียหลวงเปิดหน้าสู้ปมสาวคนสนิททำ “เสี่ยก้อง” ตกรถดับ

กาญจนบุรี 2 ก.พ. – คดี “เสี่ยก้อง” ตกรถ ซึ่งยังเป็นประเด็นคาใจครอบครัว หลังเห็นคลิปแบบเต็มๆ ว่า “เสี่ยก้อง” กระโดดลงจากรถของ “แหม่ม” สาวคนสนิท และ “แหม่ม” รวมถึงบรรดาญาติของแหม่มไม่ให้การช่วยเหลือ “เสี่ยก้อง” ตามความจำเป็น ล่าสุดวันนี้ “นุ่น” เมียหลวง ออกมาเปิดตัวเดินหน้าสู้คดีปกป้องสามี โดยมี “ทนายตั้ม” มาช่วยว่าความ


กรณีญาตินายอภิชาต พูลเผือก หรือ “เสี่ยก้อง” เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดใน จ.กาญจนบุรี ตกรถกระบะป้ายแดงเสียชีวิต โดยในรถคันนั้นมี “แหม่ม” สาวคนสนิท เป็นคนขับ และทันทีที่ญาติของ “เสี่ยก้อง” เห็นพฤติกรรมของ “แหม่ม” และน้องชาย จากกล้องหน้ารถและหลังรถ ถึงกับทนไม่ได้ เพราะหลัง “เสี่ยก้อง” ตกรถ ทั้งแหม่ม น้องชาย และเพื่อนที่ขับตามมา กลับไม่รีบเข้าไปช่วยเหลือ ปล่อย “เสี่ยก้อง” นอนอยู่กับพื้นนานกว่า 20 นาที จึงค่อยโทรตามกู้ภัย แถมในคลิปยังได้ยินเสียงน้องชายของ “แหม่ม” บอกว่า ปล่อยมัน ไม่ต้องไปช่วย ทำให้ญาติๆ มองว่า พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ “เสี่ยก้อง” บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ยิ่งได้ฟัง “แหม่ม” และน้องชาย ซึ่งเมื่อวานได้เข้าพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อขอคำปรึกษาทางคดี พร้อมนำคลิปหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้วางแผนฆ่า “เสี่ยก้อง” ในวันนั้นบังเอิญไปเจอ “เสี่ยก้อง” กับภรรยาอยู่ที่คลินิก ทำให้จับได้ว่า “เสี่ยก้อง” ยังไม่เลิกกับภรรยา แถมภรรยายังท้อง 7 เดือนด้วย ทำให้ “แหม่ม” โมโห มีปากเสียงกับ “เสี่ยก้อง” เพราะ “เสี่ยก้อง” เคยบอกว่าเลิกกับภรรยาแล้ว ตอนนั้นเธอจึงขับรถออกจากคลินิก แต่ “เสี่ยก้อง” กระโดดขึ้นรถตามมาด้วย และสุดท้าย “เสี่ยก้อง” ตัดสินใจกระโดดลงจากรถ เพื่อประชด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ “เสี่ยก้อง” ทำอะไรโลดโผนเพื่อเรียกร้องความสนใจเป็นประจำ ทำให้ น.ส.พภัสสรณ์ หรือ “นุ่น” ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องของ “เสี่ยก้อง” ถึงกับบอกว่า ได้ยินแบบนี้ทนไม่ไหว ขอเปิดหน้าสู้ เพราะมองว่า “แหม่ม” ไม่พูดความจริงทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “เสี่ยก้อง” คบหาและใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี โดยที่พ่อแม่และครอบครัว “เสี่ยก้อง” รู้เรื่องดี เพราะที่ผ่านมา “เสี่ยก้อง” ไปมาหาสู่และดูแล “นุ่น” อย่างดี ตอนนี้เธอก็ตั้งท้องลูกคนที่ 2 ของ “เสี่ยก้อง” และไม่เคยไปหาเรื่องใคร มีแต่ “แหม่ม” ตามมารังควาน โดยเฉพาะวันเกิดเหตุ “แหม่ม” ตามไปหาเรื่องถึงหน้าคลินิกฝากครรภ์ ซึ่งภาพวงจรปิดหน้าคลินิกเห็นชัดว่า ทันทีที่ “แหม่ม” รู้ว่า “เสี่ยก้อง” พา “นุ่น” มาฝากครรภ์ ก็ตามมาหาเรื่องตบตี “เสี่ยก้อง” รวมถึงพยายามเข้ามาทำร้าย “นุ่น” ด้วย แต่ตอนนั้นยอมรับว่า “เสี่ยก้อง” พยายามปกป้อง “นุ่น” และลูกอย่างเต็มที่ ทำให้ต้องยอมขึ้นรถไปเคลียร์กับ “แหม่ม” แต่กลับเกิดเรื่องสลด “เสี่ยก้อง” ไม่ได้กลับมาหาครอบครัว วันนี้ย้ำว่าสุดทน “นุ่น” เตรียมเดินหน้าฟ้องเอาผิด “แหม่ม” ในทุกข้อกล่าวหาที่ทำได้ จึงไปหารือกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด

ล่าสุด “ทนายษิทรา” ก็ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยบอกว่า ในฐานะที่ผมเป็นทนายของฝั่งคุณนุ่น เมียหลวง ขอวินิจฉัยคดี “เสี่ยก้อง” ตกรถจนเสียชีวิต ตามข้อสังเกต


เริ่มต้นจากรถกระบะ 4 ประตู ขับมาด้วยความเร็ว มีรถยนต์ของน้องชาย “แหม่ม” ขับตามด้านหลัง (ซึ่งภาพทั้งหมดได้จากกล้องของรถน้องชายแหม่ม) เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ขณะเลี้ยวซ้ายเข้าซอย “เสี่ยก้อง” ได้เปิดประตูรถออกมา สังเกตเห็นว่า “เสี่ยก้อง” ลักษณะเหมือนจับบริเวณที่จับประตูไว้

ขณะเดียวกัน รถยนต์คันที่ “แหม่ม” ขับขี่ได้เร่งเครื่องยนต์ และหักเลี้ยวไปทางขวา ทำให้เกิดแรงเหวี่ยง โดยแรงเหวี่ยงทำให้ “เสี่ยก้อง” ตกลงจากรถและกลิ้งไปตามถนน ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ศีรษะได้พุ่งกระแทกไปด้านหน้าก่อน จึงเป็นสาเหตุให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง

นอกจากนี้ “ทนายษิทรา” ยังบอกด้วยว่า เหตุการณ์นี้ ความล่าช้าในการช่วยเหลือที่รอถึง 20 นาที และคำพูดประชดแดกดัน อาจส่งผลให้การช่วยปฐมพยาบาลและขอความช่วยเหลือไม่ทันท่วงที อาจเป็นหนึ่งสาเหตุให้ “เสี่ยก้อง” เสียชีวิตได้


ส่วนข้อหาที่สามารถเอาผิดกับ “แหม่ม” และพรรคพวกได้นั้น “ทนายษิทรา” แจงยิบว่ามีหลายข้อ ยกตัวอย่างกรณีแรก อาจเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เล็งเห็นผล เพราะระหว่างขับรถนั้น “แหม่ม” กับ “เสี่ยก้อง” มีปากเสียงกัน “แหม่ม” ควรต้องขับรถด้วยความระวังอย่างยิ่ง การที่ “แหม่ม” ขับรถมาด้วยความเร็วและเข้าโค้งด้วยความเร็ว ทั้งที่เห็นว่า “เสี่ยก้อง” ได้บอกให้ “แหม่ม” จอดรถเพื่อจะลง แต่ “แหม่ม” ไม่ยอมจอด จนมาถึงที่เกิดเหตุ “เสี่ยก้อง” ได้เปิดประตูกระโดดลงไป แต่แทนที่ “แหม่ม” เมื่อเห็นเช่นนั้นจะจอดรถในทันที กลับเร่งเครื่องและหักพวงมาลัยไปทางขวา ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงของรถเหวี่ยงตัว “เสี่ยก้อง” ตกจากรถ ศีรษะกระแทกพื้น อาการสาหัสและเสียชีวิต การกระทำนี้ของ “แหม่ม” อาจจะมีเจตนาฆ่า โดยย่อมเล็งเห็นผลว่า หากตนเองขับรถและเร่งเครื่องไปด้วยความเร็วและหักพวงมาลัยออกไปทางขวา เป็นไปได้ว่า “เสี่ยก้อง” จะถูกแรงเหวี่ยงของรถเหวี่ยงลงจากรถและตกจากรถได้ จึงมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผลว่า “เสี่ยก้อง” จะตกรถและได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

กรณีที่ 2 การที่ “แหม่ม” ขับรถด้วยความเร็ว ทั้งที่รู้ว่า “เสี่ยก้อง” พยายามที่จะให้จอดเพื่อลง แต่ “แหม่ม” ดื้อดึงที่จะขับรถต่อไปด้วยความเร็ว ขณะที่ “เสี่ยก้อง” เปิดประตูนั้น สาวคนสนิทก็ยังไม่จอดรถ จนเป็นเหตุให้ “เสี่ยก้อง” พลัดตกจากรถ ศีรษะกระแทกพื้นได้รับอันตรายและเสียชีวิต อาจถือได้ว่าการที่ “แหม่ม” ขับรถเช่นนั้นเป็นการขับรถด้วยความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ส่วนความผิดสำหรับญาติที่ขับรถตามมาด้านหลังนั้น กฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต ซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะเมื่อพิจารณาจากคลิปวิดีโอ “น้องชายของแหม่ม” ได้พูดทำนองว่า “ปล่อยมัน ปล่อยมันแหม่ม ไม่ต้องไปดูเลย มันโดดเอง” และไม่ช่วยพาส่งโรงพยาบาลทันที ทำให้เห็นเจตนาของน้องชายแหม่มว่า ไม่มีเจตนาที่จะช่วย “เสี่ยก้อง” ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอันตรายแห่งชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อนำกล้องหลังรถบางส่วนมาดู พบว่าได้พยายามช่วยเหลือแล้ว ก็สามารถนำมาให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาได้

คดีนี้น่าจะยาว เพราะอีกฟากก็ยืนยันความบริสุทธิ์ แถมมี “ทนายเดชา” เป็นทนายว่าความให้ แต่อีกฟากก็ดึง “ทนายตั้ม” มาสู้คดี โดยโต้กลับว่ามีการโกหกเกิดขึ้น ต่างคนต่างงัดหลักฐานมาแสดง แถมทนายทั้งคู่ก็เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก่อน คงต้องตามกันต่อไปยาวๆ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย