เมียหลวงเปิดหน้าสู้ปมสาวคนสนิททำ “เสี่ยก้อง” ตกรถดับ

กาญจนบุรี 2 ก.พ. – คดี “เสี่ยก้อง” ตกรถ ซึ่งยังเป็นประเด็นคาใจครอบครัว หลังเห็นคลิปแบบเต็มๆ ว่า “เสี่ยก้อง” กระโดดลงจากรถของ “แหม่ม” สาวคนสนิท และ “แหม่ม” รวมถึงบรรดาญาติของแหม่มไม่ให้การช่วยเหลือ “เสี่ยก้อง” ตามความจำเป็น ล่าสุดวันนี้ “นุ่น” เมียหลวง ออกมาเปิดตัวเดินหน้าสู้คดีปกป้องสามี โดยมี “ทนายตั้ม” มาช่วยว่าความ


กรณีญาตินายอภิชาต พูลเผือก หรือ “เสี่ยก้อง” เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดใน จ.กาญจนบุรี ตกรถกระบะป้ายแดงเสียชีวิต โดยในรถคันนั้นมี “แหม่ม” สาวคนสนิท เป็นคนขับ และทันทีที่ญาติของ “เสี่ยก้อง” เห็นพฤติกรรมของ “แหม่ม” และน้องชาย จากกล้องหน้ารถและหลังรถ ถึงกับทนไม่ได้ เพราะหลัง “เสี่ยก้อง” ตกรถ ทั้งแหม่ม น้องชาย และเพื่อนที่ขับตามมา กลับไม่รีบเข้าไปช่วยเหลือ ปล่อย “เสี่ยก้อง” นอนอยู่กับพื้นนานกว่า 20 นาที จึงค่อยโทรตามกู้ภัย แถมในคลิปยังได้ยินเสียงน้องชายของ “แหม่ม” บอกว่า ปล่อยมัน ไม่ต้องไปช่วย ทำให้ญาติๆ มองว่า พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ “เสี่ยก้อง” บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ยิ่งได้ฟัง “แหม่ม” และน้องชาย ซึ่งเมื่อวานได้เข้าพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อขอคำปรึกษาทางคดี พร้อมนำคลิปหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้วางแผนฆ่า “เสี่ยก้อง” ในวันนั้นบังเอิญไปเจอ “เสี่ยก้อง” กับภรรยาอยู่ที่คลินิก ทำให้จับได้ว่า “เสี่ยก้อง” ยังไม่เลิกกับภรรยา แถมภรรยายังท้อง 7 เดือนด้วย ทำให้ “แหม่ม” โมโห มีปากเสียงกับ “เสี่ยก้อง” เพราะ “เสี่ยก้อง” เคยบอกว่าเลิกกับภรรยาแล้ว ตอนนั้นเธอจึงขับรถออกจากคลินิก แต่ “เสี่ยก้อง” กระโดดขึ้นรถตามมาด้วย และสุดท้าย “เสี่ยก้อง” ตัดสินใจกระโดดลงจากรถ เพื่อประชด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ “เสี่ยก้อง” ทำอะไรโลดโผนเพื่อเรียกร้องความสนใจเป็นประจำ ทำให้ น.ส.พภัสสรณ์ หรือ “นุ่น” ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องของ “เสี่ยก้อง” ถึงกับบอกว่า ได้ยินแบบนี้ทนไม่ไหว ขอเปิดหน้าสู้ เพราะมองว่า “แหม่ม” ไม่พูดความจริงทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “เสี่ยก้อง” คบหาและใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี โดยที่พ่อแม่และครอบครัว “เสี่ยก้อง” รู้เรื่องดี เพราะที่ผ่านมา “เสี่ยก้อง” ไปมาหาสู่และดูแล “นุ่น” อย่างดี ตอนนี้เธอก็ตั้งท้องลูกคนที่ 2 ของ “เสี่ยก้อง” และไม่เคยไปหาเรื่องใคร มีแต่ “แหม่ม” ตามมารังควาน โดยเฉพาะวันเกิดเหตุ “แหม่ม” ตามไปหาเรื่องถึงหน้าคลินิกฝากครรภ์ ซึ่งภาพวงจรปิดหน้าคลินิกเห็นชัดว่า ทันทีที่ “แหม่ม” รู้ว่า “เสี่ยก้อง” พา “นุ่น” มาฝากครรภ์ ก็ตามมาหาเรื่องตบตี “เสี่ยก้อง” รวมถึงพยายามเข้ามาทำร้าย “นุ่น” ด้วย แต่ตอนนั้นยอมรับว่า “เสี่ยก้อง” พยายามปกป้อง “นุ่น” และลูกอย่างเต็มที่ ทำให้ต้องยอมขึ้นรถไปเคลียร์กับ “แหม่ม” แต่กลับเกิดเรื่องสลด “เสี่ยก้อง” ไม่ได้กลับมาหาครอบครัว วันนี้ย้ำว่าสุดทน “นุ่น” เตรียมเดินหน้าฟ้องเอาผิด “แหม่ม” ในทุกข้อกล่าวหาที่ทำได้ จึงไปหารือกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด

ล่าสุด “ทนายษิทรา” ก็ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยบอกว่า ในฐานะที่ผมเป็นทนายของฝั่งคุณนุ่น เมียหลวง ขอวินิจฉัยคดี “เสี่ยก้อง” ตกรถจนเสียชีวิต ตามข้อสังเกต


เริ่มต้นจากรถกระบะ 4 ประตู ขับมาด้วยความเร็ว มีรถยนต์ของน้องชาย “แหม่ม” ขับตามด้านหลัง (ซึ่งภาพทั้งหมดได้จากกล้องของรถน้องชายแหม่ม) เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ขณะเลี้ยวซ้ายเข้าซอย “เสี่ยก้อง” ได้เปิดประตูรถออกมา สังเกตเห็นว่า “เสี่ยก้อง” ลักษณะเหมือนจับบริเวณที่จับประตูไว้

ขณะเดียวกัน รถยนต์คันที่ “แหม่ม” ขับขี่ได้เร่งเครื่องยนต์ และหักเลี้ยวไปทางขวา ทำให้เกิดแรงเหวี่ยง โดยแรงเหวี่ยงทำให้ “เสี่ยก้อง” ตกลงจากรถและกลิ้งไปตามถนน ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ศีรษะได้พุ่งกระแทกไปด้านหน้าก่อน จึงเป็นสาเหตุให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง

นอกจากนี้ “ทนายษิทรา” ยังบอกด้วยว่า เหตุการณ์นี้ ความล่าช้าในการช่วยเหลือที่รอถึง 20 นาที และคำพูดประชดแดกดัน อาจส่งผลให้การช่วยปฐมพยาบาลและขอความช่วยเหลือไม่ทันท่วงที อาจเป็นหนึ่งสาเหตุให้ “เสี่ยก้อง” เสียชีวิตได้


ส่วนข้อหาที่สามารถเอาผิดกับ “แหม่ม” และพรรคพวกได้นั้น “ทนายษิทรา” แจงยิบว่ามีหลายข้อ ยกตัวอย่างกรณีแรก อาจเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เล็งเห็นผล เพราะระหว่างขับรถนั้น “แหม่ม” กับ “เสี่ยก้อง” มีปากเสียงกัน “แหม่ม” ควรต้องขับรถด้วยความระวังอย่างยิ่ง การที่ “แหม่ม” ขับรถมาด้วยความเร็วและเข้าโค้งด้วยความเร็ว ทั้งที่เห็นว่า “เสี่ยก้อง” ได้บอกให้ “แหม่ม” จอดรถเพื่อจะลง แต่ “แหม่ม” ไม่ยอมจอด จนมาถึงที่เกิดเหตุ “เสี่ยก้อง” ได้เปิดประตูกระโดดลงไป แต่แทนที่ “แหม่ม” เมื่อเห็นเช่นนั้นจะจอดรถในทันที กลับเร่งเครื่องและหักพวงมาลัยไปทางขวา ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงของรถเหวี่ยงตัว “เสี่ยก้อง” ตกจากรถ ศีรษะกระแทกพื้น อาการสาหัสและเสียชีวิต การกระทำนี้ของ “แหม่ม” อาจจะมีเจตนาฆ่า โดยย่อมเล็งเห็นผลว่า หากตนเองขับรถและเร่งเครื่องไปด้วยความเร็วและหักพวงมาลัยออกไปทางขวา เป็นไปได้ว่า “เสี่ยก้อง” จะถูกแรงเหวี่ยงของรถเหวี่ยงลงจากรถและตกจากรถได้ จึงมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผลว่า “เสี่ยก้อง” จะตกรถและได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

กรณีที่ 2 การที่ “แหม่ม” ขับรถด้วยความเร็ว ทั้งที่รู้ว่า “เสี่ยก้อง” พยายามที่จะให้จอดเพื่อลง แต่ “แหม่ม” ดื้อดึงที่จะขับรถต่อไปด้วยความเร็ว ขณะที่ “เสี่ยก้อง” เปิดประตูนั้น สาวคนสนิทก็ยังไม่จอดรถ จนเป็นเหตุให้ “เสี่ยก้อง” พลัดตกจากรถ ศีรษะกระแทกพื้นได้รับอันตรายและเสียชีวิต อาจถือได้ว่าการที่ “แหม่ม” ขับรถเช่นนั้นเป็นการขับรถด้วยความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ส่วนความผิดสำหรับญาติที่ขับรถตามมาด้านหลังนั้น กฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต ซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะเมื่อพิจารณาจากคลิปวิดีโอ “น้องชายของแหม่ม” ได้พูดทำนองว่า “ปล่อยมัน ปล่อยมันแหม่ม ไม่ต้องไปดูเลย มันโดดเอง” และไม่ช่วยพาส่งโรงพยาบาลทันที ทำให้เห็นเจตนาของน้องชายแหม่มว่า ไม่มีเจตนาที่จะช่วย “เสี่ยก้อง” ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอันตรายแห่งชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อนำกล้องหลังรถบางส่วนมาดู พบว่าได้พยายามช่วยเหลือแล้ว ก็สามารถนำมาให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาได้

คดีนี้น่าจะยาว เพราะอีกฟากก็ยืนยันความบริสุทธิ์ แถมมี “ทนายเดชา” เป็นทนายว่าความให้ แต่อีกฟากก็ดึง “ทนายตั้ม” มาสู้คดี โดยโต้กลับว่ามีการโกหกเกิดขึ้น ต่างคนต่างงัดหลักฐานมาแสดง แถมทนายทั้งคู่ก็เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก่อน คงต้องตามกันต่อไปยาวๆ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]