ขอนแก่น 17 ม.ค.-ผู้เสียหายรวมตัวหอบเอกสารร้องตำรวจไซเบอร์ หลังถูกหลอกลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน สะสมเหรียญแลกเงิน หลงเชื่อเพราะได้ผลตอบแทนสูง เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายสูงถึง 88 ล้านบาท
ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จากกรณีที่ถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน โดยหน้าเพจระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ สินค้าอุปโภค บริโภค และอื่นๆ เชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด โดยมีประชาชนผู้เสียหายที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร และชัยภูมิ ที่รวมตัวกันกว่า 20 คน เดินทางมาให้ปากคำ
นางอรปรียา แก้วพูล อายุ 53 ปี เดินทางมาจากเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เริ่มจากสามีรู้จักผู้ชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนซื้อสินค้าในรูปแบบเป็นเหรียญออนไลน์ และให้ลงทุนเปิดร้านขายสินค้าเองในชื่อของบริษัท เพื่อสร้างความมั่นใจ โดยโอนเงินค่าลงทุนตามขนาดร้านที่ต้องการเปิด เช่น ร้านขนาดเล็ก จำนวนเงิน 30,000 บาท ไปจนถึงขนาดใหญ่ จำนวนเงิน 120,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าว อ้างว่า หากลงทุนซื้อเหรียญในร้านออนไลน์ยิ่งมากจะได้เงินปันผลจากการซื้อสูง หรือหากซื้อร้านค้าจะได้เงินปันผลสูงเช่นกัน อีกทั้งบริษัทได้จัดโปรโมชัน ว่าจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มเป็น 2 เท่า และแบ่งจ่ายให้ทุกสัปดาห์
แรกเริ่มคุยกันเรื่องการลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงต้องพับโครงการไว้ก่อน ผู้ชักชวนจึงแนะนำให้สมัครเป็นสมาชิก ลงทุนซื้อสินค้าเริ่มต้นในราคาชุดละ 1,200 บาท ได้สินค้ามา 1 ชุด มีทั้งกาแฟ น้ำยาปรับผ้านุ่ม สินค้าอุปโภค บริโภค เป็นต้น ภายใน 1 อาทิตย์ ทางบริษัทอ้างว่างบโฆษณาที่เราซื้อสินค้า 1,200 บาท ได้ปันผลคืนกลับมา 1,500 บาท ถือว่าได้กำไรจากการลงทุนชุดละ 300 บาท ต่อ 1 อาทิตย์ จึงมองว่าเป็นผลตอบแทนที่ดี
จากนั้นได้ชักชวนคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน เฉพาะครอบครัวเรา 4 คน ลงทุนไป 12 ล้านบาท แรกๆ ได้รับเงินปันผล สั่งซื้อสินค้าได้สินค้าตามที่สั่ง จึงเริ่มไปชักชวนคนรู้จักให้มาร่วมลงทุนด้วย ช่วงแรกที่ลงทุนได้รับผลตอบแทนจริง จากนั้นตัดสินใจลงทุนซื้อแหวนเพชรทั้งหมด 6 วง ซึ่งเป็นการสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อสั่งผลิตแหวนตามขนาดที่ต้องการ แต่ไม่เคยเห็นแหวนเพชรที่สั่งซื้อ กระทั่งเดือนสิงหาคม 2564 ทั้งการปันผล และการสั่งซื้อแหวน เริ่มมีปัญหา ไม่ได้รับเงินปันผล
เมื่อทวงถามทางบริษัทอ้างว่าอยู่ระหว่างพัฒนาปรับปรุงแอปพลิเคชัน ปรับปรุงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ กระทั่งเดือนกันยายน 2564 ที่มีสัญญาณชัดเจน คือ บริษัทได้หยุดดำเนินการ ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่ทราบว่ามีใครเป็นเจ้าของ ก่อนมีประกาศทางเอไอของบริษัท ว่า ขอเลื่อนการจ่ายปันผล ซึ่งเลื่อนมาเรื่อยๆ เบื้องต้นรับปากจ่ายคืนมกราคม 2565 แต่ก็ยังไร้วี่แวว จึงเชื่อว่าถูกบริษัทหลอกให้ลงทุน จึงรวมตัวเดินทางมาร้องเรียน พบว่ามีมูลค่าความเสียหายแล้วกว่า 88 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย