ขอนแก่น 17 ม.ค.-กลุ่มสหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง ทำสัญญาซื้อขายข้าวเปลือกพันธุ์ทับทิมชุมแพ หรือ กข 69 ให้กับบริษัทข้าวสุวรรณภูมิ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกข้าวทั่วโลก มารับซื้อถึงที่กิโลกรัมละ 23 บาท สูงกว่าราคาในท้องตลาด ยกระดับข้าวเจ้าหอมมะลิอินทรีย์จากชุมชนและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในท้องถิ่น
วันนี้ที่สหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง จำกัด จังหวัดขอนแก่น ได้มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ หรือ ข้าว กข 69 ซึ่งมีบริษัทข้าวสุวรรณภูมิ จำกัด เดินทางมาซื้อถึงที่ จำนวน 5 ตัน รวมราคาทั้งหมด 115,000 บาท ส่วนข้าวสีแล้วแยกจำหน่ายที่สหกรณ์กิโลกรัมละ 100 บาท โดยมีนายประยูรภัทร์ ศรีศักดิ์นอก เกษตรอำเภอบ้านฝาง จ.ขอนแก่นเป็นสักขีพยาน
สหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง จำกัด ได้ทดลองปลูกข้าวทับทิมชุมแพเป็นปีที่ 2 ซึ่งได้วางเป้าหมายว่าจะต้องปลูกให้ได้ข้าว 1 ไร่ 1 ตัน แบบอินทรีย์ปลอดสารพิษ ให้ผู้บริโภคปลอดภัย และต้องจำหน่ายข้าวให้ได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด และในปีนี้ทดลองปลูกครั้งที่ 2 จึงประสบผลสำเร็จ ทำให้ได้ข้าวทับทิมชุมแพทั้งสิ้นจำนวน 10 ตัน แบ่งขายให้บริษัทข้าวสุวรรณภูมิ จำกัด เพียง 5 ตัน ที่เหลือจะนำไว้ทำพันธุ์ จำหน่ายเอง และไว้รับประทาน ส่วนการขายครั้งนี้ได้ราคาที่เกษตรกรพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ส่วนคุณสมบัติของข้าวเจ้าหอมมะลิทับทิมชุมแพ หรือ กข 69 ที่สามารถทำราคาได้สูงเนื่องจากเป็นข้าวพันธุ์ผสมระหว่างข้าวเจ้าหอมมะลิ 105 กับพันธุ์ข้าวสังข์หยดพัทลุง นำไปทดลองปลูกครั้งแรกที่ศูนย์วิจัยข้าวชุมแพ จังหวัดขอนแก่น โดยข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพสามารถปลูกได้ทั้งปี ต้นเตี้ยไม่หักล้มง่าย ลักษณะเมล็ดข้าวเมื่อหุงสุกจะมีสีแดงคล้ายทับทิม รสชาตินุ่ม หอม ด้านสารอาหารนั้น มีพฤกศเคมีสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถรับประทานได้ และช่วยลดความดันโลหิตจากไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปัจจุบันสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ให้กับข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ เพื่อให้เป็นข้าวพันธุ์ประจำจังหวัดขอนแก่น
แต่อย่างไรก็ตามทางสหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง จำกัด ยังได้ร่วมมือกับคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อปรับปรุงคุณภาพและนำองค์ความรู้สมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ ซึ่งอยู่ในช่วงการทดลองผลิตนมข้นหวานจากข้าวทับทิมชุมแพผสมกับหญ้าหวาน ในอนาคตทางสหกรณ์จะทำให้สมาชิกเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมไปถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และยังคงมุ่งมั่นตั้งใจทำการเกษตรทุกอย่างให้ปลอดสารเคมีสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประชาชนไทย และสร้างรายได้ให้ชุมชนตลอดทั้งปีต่อไป.-สำนักข่าวไทย