นครปฐม 15 ธ.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อม ผบ.เรือนจำกลางนครปฐม แถลงปิดคดี 9 นักโทษแหกคุก สอบต่อปมใบเลื่อยซุกขวดโลชั่น ยืนยันหากพบการกระทำผิด ทุกคนต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (15 ธ.ค.64) ที่ สภ.สามควายเผือก อ.เมืองนครปฐม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อม ผบ.เรือนจำกลางนครปฐม ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการไล่ล่าจับกุมตัวนักโทษที่หลบหนีจากเรือนจำทั้ง 9 คน
ตามที่ได้เกิดเหตุนักโทษชาย 9 คน แหกคุกเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย ภายใน มทบ.11 จ.นครปฐม โดยใช้ใบเลื่อยตัดลูกกรงเหล็กเรือนนอน ปีนรั้วคอนกรีตสูงกว่า 2 เมตร หนีออกด้านนอก ก่อนขโมยเสื้อผ้าในแคมป์คนงานก่อสร้าง ขโมยรถจักรยาน ปั่นหนีไปหาภรรยา อ้างคิดถึงภรรยา หนีไปหาแม่ หนีไปหาญาติ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กระจายกำลังออกติดตาม วันแรกจับกลับมาได้ 5 ราย วันที่ 2 จับกลับมาได้อีก 2 ราย เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.64) คนหนึ่งคือ นายพัชรวุฒิ ฉายา แจ๊ค คอลาย อายุ 38 ปี หัวโจกในการก่อเหตุ โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.บางเลน และอีกคนที่ได้ตัวล่าสุดเมื่อคืนนี้คือ นายบำรุง วงศ์สว่าง อายุ 43 ปี จับกุมได้ที่สวนมะพร้าวแห่งหนึ่งใน อ.นครชัยศรี
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรสามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชภัณฑ์ฝ่ายวิชาการ พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม ร่วมกันแถลงปิดคดีนักโทษแหกคุกเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) ตำรวจสามารถจับกุมนายพัชรวุฒิ มูลทองสงค์ ฉายาแจ๊ค คอลาย อายุ 38 ปี หัวโจกในการก่อเหตุ และเป็นคนที่ติดต่อใบเลื่อยเข้ามาในเรือนจำ โดยจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า 100 เม็ด รถเก๋งฮอนด้า ทะเบียนกรุงเทพมหานคร 1 คัน วิกผม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สอบสวนทราบว่าใช้วิกผมเพื่อปลอมตัวไม่ให้ตำรวจจำได้ และใช้รถเก๋งคันดังกล่าวไปหายาบ้ามาเสพ และไปตามเก็บเงินกับลูกหนี้ ไปหาภรรยา ไปหาลูก แต่นัดเจอกันข้างนอก และก็ไปเช่าโรงแรมนอน
เมื่อคืนนี้ ประมาณ 4 ทุ่ม ตำรวจสามารถจับกุมนายบำรุง วงศ์สว่าง อายุ 43 ปี โดยจับกุมได้ที่สวนมะพร้าวแห่งหนึ่งใน อ.นครชัยศรี หลังแหกคุกหนีออกไปได้ก็ไปหาญาติ และไปแอบอยู่ในสวนมะพร้าว เจ้าหน้าที่ตำรวจไปซุ่มอยู่ 2 วัน จนแน่ใจจึงนำกำลังกว่า 20 นาย ปิดล้อมรอบทิศทาง และสามารถจับกุมตัวมาได้
ส่วนกรณีใบเลื่อยเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้อย่างไร พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีญาติของนักโทษรายหนึ่งนัดพบกับเจ้าหน้าที่ด้านนอก และนำโลชั่นฝากเข้าไปให้นักโทษ โดยแอบซ่อนใบเลื่อยเข้าไปด้วย
จากการสอบสวนเจ้าตัวให้การปฏิเสธ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับและดำเนินการจับกุมแล้ว ขณะนี้ฝากขังอยู่ที่เรือนจำ จ.สมุทรสงคราม
ส่วนเรื่องใบเลื่อยมูลค่า 100,000 บาทนั้น ขณะนี้ยังตรวจสอบไม่ได้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่พบมีการโอนเงินครั้งละมากๆ เข้ามาในบัญชี มีแต่การฝากซื้อของ 1,000, 2,000 บาท ยอดสูงสุด 20,000 บาท ยอดเป็นแสนยังไม่ปรากฏ ยืนยัน หากพบการกระทำผิด ทุกคนต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงคดีก่อนหน้านี้ของแจ๊ค คอลาย หัวโจกที่นำนักโทษแหกคุก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ แจ๊ค คอลาย ถูกจับในคดียาเสพติด มีบาย้าไว้ในครอบครอง 14,000 เม็ด โทษสูงสุดจำคุก 20 ปี นายแจ๊คมีโทษหนัก มีคดีค้างเก่าด้วย ซึ่งจะต้องเพิ่มโทษ อาจจะเป็นมูลเหตุสำคัญให้ก่อเหตุพยายามหลบหนีในครั้งนี้ได้
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากผู้ต้องหาที่แหกคุกและตามจับกลับมาได้ทั้งหมดแล้ว ยังมีผู้เกี่ยวข้องที่คอยให้การช่วยเหลืออยู่ด้านนอก ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งขยายผลและดำเนินคดีกับผู้ที่ให้การช่วยเหลือนักโทษแหกคุกทั้งหมด รวมถึงญาติที่คอยให้การช่วยเหลืออยู่ด้านนอกด้วย
ทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีเพิ่ม ในข้อหาร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจศาล โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป.-สำนักข่าวไทย