มท.Change for Good เพื่อแผ่นดินไทย

จ.พระนครศรีอยุธยา 13 ธ.ค.-ปลัดกระทรวงมหาดไทยจับมือนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ประชุมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร ครั้งที่ 1 เน้นย้ำ ความรัก ความสามัคคี ช่วยสร้างสิ่งที่ดี Change for Good ให้เกิดขึ้นกับแผ่นดินไทย


ที่สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร ประจำปี 2564 ครั้งที่ 1 ภาคกลางและภาคตะวันออก จำนวน 25 จังหวัดโดยมี ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นางณัสรี จันทร์สมวงศ์ นางอุษณี จงจิระ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศศิธร จันทมฤก อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นางสุภาสุนันทพงศ์ศักดิ์ ประธานชมรมแม่บ้านการประปาภูมิภาคประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด นางสาวนุชนาท ประทีปธีรานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพรพล เอกอรรถพร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด 25 จังหวัด ร่วมรับฟัง นำเสนอข้อมูลด้านการฉีดวัคซีน ปลูกผักสวนครัว ส่งเสริมการใช้ผ้าไทย การดูแลสุขอนามัยของแม่และเด็ก  และอื่นๆในจังหวัดของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข พี่น้องประชาชน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ประเทศชาติเราจะอยู่รอดปลอดภัย ต้องอาศัยความรักความสามัคคีของพวกเราชาวไทยทุกหมู่เหล่า ไม่เฉพาะข้าราชการ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีหน้าที่ มีตำแหน่ง แต่ทุกคนทุกภาคส่วนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นกำลังสำคัญ ซึ่งชีวิตของพวกเราข้าราชการกระทรวงมหาดไทย จำเป็นต้องอาศัยความสมัครสมานสามัคคีของคนในครอบครัว ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน เพื่อที่จะทำหน้าที่ที่พวกเราทุกคนภาคภูมิใจร่วมกัน ในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” พี่น้องประชาชน  ดังพุทธศาสนสุภาษิต “สุขา สังฆัสสะ สามัคคี : ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะย่อมนำมาซึ่งความสุข ความเจริญ” ซึ่งความสามัคคีของหมู่คณะนี้ จะทำให้ครอบครัว ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน จังหวัด และประเทศชาติของเรามีความสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งการที่ทุกท่านเสียสละร่วมกันมาเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมแม่บ้านมหาดไทยในวันนี้ จะเป็นการเริ่มขับเคลื่อนงานของแม่บ้านมหาดไทยในการสร้างความสุขอย่างเป็นรูปธรรม เป็นพลังสำคัญทำให้ภารกิจของกระทรวงมหาดไทยในการที่จะร่วมแรงร่วมใจรวมพลังคนในสังคม สนองพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้พี่น้องคนไทยได้มีความสุข เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมเร็วขึ้น


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า กิจกรรมแม่บ้านมหาดไทยสัญจรในวันนี้ ประธานแม่บ้านมหาดไทยและสมาชิกแม่บ้านมหาดไทย จะได้ร่วมกันเรียนรู้ ร่วมกันถอดบทเรียนผลการดำเนินงานของแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดต่าง ๆ และนำสิ่งดี ๆ ไปประยุกต์ใช้ ไปช่วยทำให้การทำงานของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และข้าราชการมหาดไทยในจังหวัด ได้เกิดผลลัพธ์ เกิดชื่อเสียง หอมฟุ้งขจรขจายไปยังพี่น้องประชาชนในสังคม เพื่อร่วมกันสร้างสิ่งที่ดี Change for good ให้เกิดขึ้นในจังหวัดของท่าน นอกจากนี้ ขอเชิญชวนแม่บ้านมหาดไทยทุกจังหวัด ได้ใช้เวลาทุกโอกาสในการเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง เข้มแข็ง ช่วยส่งเสริมภูมิปัญญา หัตถกรรม หัตถศิลป์ และรณรงค์ให้คนไทย ร่วมสืบสาน รักษา และต่อยอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่ระลึกในงานวันนี้ เป็นพัดสานลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ Change for Good เป็นการน้อมนำ ลายผ้าพระราชทาน มาประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์เพิ่ม เกิด Story เพิ่ม อันจะทำให้เกิดการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของชุมชน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม่บ้านมหาดไทย ต้องช่วยกันเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ผู้มีอุดมการณ์ มีความแน่วแน่ในการที่จะทำความดีด้วยหัวใจ มีจิตอาสา เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกแม่บ้านมหาดไทย เพื่อให้พวกเรามีพลังในการขับเคลื่อนงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ประชาชนให้แก่ส่วนรวม ให้แก่พื้นที่ของพวกเรา นอกจากนี้ ในด้านการสื่อสารสังคมเพื่อสร้างการรับรู้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหัวใจที่สำคัญของการทำงาน อันจะก่อให้เกิดความเลื่อมใสและการสนับสนุนของพี่น้องประชาชน โดยช่วยกันประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่อยู่ในมือของทุกคน คือ โทรศัพท์มือถือ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ อันจะทำให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้ เข้าใจ และมีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งที่ดีให้กับสังคม

“ความรัก ความสามัคคี และความตั้งใจในการที่จะ Change for Good ให้เกิดขึ้นกับแผ่นดินไทยของแม่บ้านมหาดไทย จะทำให้การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แพร่กระจายเกิดสิ่งที่ดีงามในพื้นที่จังหวัดของเรา และนำสิ่งที่ดีไปร่วมกับพี่น้องประชาชนระดมสรรพกำลัง วางแผนในการขับเคลื่อนงานกิจกรรมในพื้นที่ให้เกิดความสุขอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ


ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า สมาคมแม่บ้านมหาดไทยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนงาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เคียงข้างผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมการประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร 4 ภาคประจำปี 2565 ซึ่งในวันนี้เป็นการสัญจร ในเขตจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออก ถือเป็นการสัญจรครั้งแรกของปี และได้เน้นย้ำนโยบายการปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์และนโยบายของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้แก่ 1) การรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างทั่วถึงที่เป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 2) โครงการ “ครอบครัวมหาดไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เรื่องการคัดแยกขยะ ทำถังขยะเปียกให้ได้ปุ๋ยอินทรีย์ 3) โครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร น้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ปลูกผักสวนครัวปราศจากสารพิษ โดยการใช้ปุยอินทรีย์ที่ได้จากถังขยะเปียก 4) โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา 5) รณรงค์ส่งเสริมการสร้างสุขอนามัยให้แก่เด็กเล็กและแม่ เติบโตอย่างถูกต้องตามเกณฑ์มาตรฐานสุขลักษณะ และ 6) การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมสมาคม เพื่อสื่อสารสังคมสร้างการรับรู้กับพี่น้องประชาชนและสังคม

จากนั้น เป็นการเสวนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กิจกรรมของประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด 25 จังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออก ได้แก่ การขับเคลื่อนรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนได้เข้ารับการฉีดวัคนป้องกันโรคโควิด-19  การคัดแยกขยะ ทำถังขยะเปียกให้ได้ปุ้ยอินทรีย์ ต่อยอดโครงการ “ครอบครัวมหาดไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” การรณรงค์เสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร โครงการปลูกผักสวนครัวเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร การสนับสนุนกลุ่มทอผ้า และผ้าอัตลักษณ์ของจังหวัด และแผนการรณรงค์ส่งเสริมการสร้างสุขอนามัยให้แก่เด็กเล็กและแม่ เติบโตอย่างถูกต้องตามเกณฑ์มาตรฐานสุขลักษณะ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดใหม่ ดึง นทท.เข้าไทย

ลอนดอน 22 พ.ค. – นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตั้งเป้าปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้เป็น Tourism Hub ระดับโลก ชี้ 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารสายบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทย จากนั้น น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก ที่ผ่านมารัฐบาลทำแคมเปญหลายอย่าง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าทำให้การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริป (Spending […]

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]