ฉะเชิงเทรา 7 ธ.ค. – ชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา ปิดล้อมบ้านพักชายคลั่งยิงตำรวจบาดเจ็บ นานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนบุกเข้าควบคุมตัวไปดำเนินคดี
ชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมกำลังเสริมกว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมบ้านพักหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 8 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว และบุกเข้าจับกุมนายนันทวิทย์ (สงวนนามสกุล) หรือ “แบล็ค” อายุ 30 ปี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.ณรงค์ศักดิ์ รงค์สุวรรณ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บางน้ำเปรี้ยว ขณะเข้าไประงับเหตุทะเลาะวิวาทที่บ้านหลังดังกล่าว จนได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาขวา ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาปิดล้อมนานกว่า 6 ชั่วโมง จึงนำกำลังบุกเข้าจับกุมตัวได้
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากมีการทะเลาะวิวาทกันระหว่างผู้ก่อเหตุกับคนในบ้าน จึงมีการโทรแจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุ แต่เมื่อมาถึงปรากฏว่า ผู้ก่อเหตุได้ขับรถออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้ตำรวจต้องถอนกำลัง ระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุได้ดักซุ่มรออยู่บนรถกระบะข้างทาง และเมื่อเจ้าหน้าที่ขับรถผ่าน จึงชักปืน 9 มม. ยิงใส่รถตำรวจ ทำให้ ด.ต.ณรงค์ศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ และต้องยิงสวนกลับไป ทำให้ผู้ก่อเหตุขับรถหนีกลับเข้าบ้าน ก่อนเรียกชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าควบคุมสถานการณ์
การปิดล้อมจับกุมเริ่มขึ้นตั้งแต่ 21.00 น. และต้องประสานพ่อแม่ผู้ก่อเหตุเดินทางมาจาก อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพื่อมาเจรจา กระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการหลอนจากการเสพยาเสพติดและขาดยารักษา ซึ่งการเจรจาไม่เป็นผล ทำให้ต้องปิดล้อมยาวนานถึง 02.00 น. ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของผู้ก่อเหตุ และเจ้าหน้าที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของคนในบ้านว่าอาจถูกทำร้าย กระทั่งเวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ปรับแผนให้พ่อกับแม่นำน้ำดื่มผสมยานอนหลับไปให้ผู้ก่อเหตุดื่ม จนกระทั่งเกิดอาการซึมจากฤทธิ์ยา ก่อนบุกเข้าชาร์จนำตัวไปสอบปากคำ
หลังจากนี้ต้องนำตัวผู้ก่อเหตุไปคุมขังไว้ที่ สภ.บางน้ำเปรี้ยว เพื่อทำการตรวจ ATK ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด รวมทั้งตรวจสอบคราบเขม่าดินปืน และเมื่อสร่างจากอาการหลอน จะทำการสอบปากคำอย่างละเอียด แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังหาปืนพกที่ใช้ยิงตำรวจไม่เจอ และยังไม่ได้ตั้งข้อหากับผู้ก่อเหตุ เพราะต้องรอหลักฐานที่ชัดเจน เพื่อให้ความเป็นธรรม
สำหรับอาการของตำรวจที่บาดเจ็บ ขณะนี้ยังรอการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร ส่วนข้อมูลที่ญาติบอกว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตเวช คงต้องนำหลักฐานทางการแพทย์มาพิสูจน์และยืนยันกันในขั้นตอนการสอบสวน. – สำนักข่าวไทย