หลายจังหวัดภาคใต้ จับตาน้ำทะเลหนุนสูง

ภาคใต้ 3 ธ.ค.-สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้จากฝนตกหนัก และสภาวะน้ำทะเลหนุนสูงยังน่าห่วง โดยเฉพาะช่วงค่ำวันนี้จะมีน้ำทะเลหนุนอีกรอบ แต่ละจังหวัดสั่งจับตาตลอด 24 ชั่วโมง


สถานการณ์ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่ ที่อยู่ติดริมแม่น้ำและทะเลอ่าวปัตตานี เช่น บ้านปาตาบูดี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ถนนสายหลักระหว่าง บ้านปาตาบูดี – บ้านแหลมตาชี ถูกคลื่นซัดถนนพังเสียหาย 1 ช่องจราจร ตั้งแต่เมื่อคืน ระยะทางเกือบ 100 เมตร เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบทได้นำเสาขาวแดงมากั้น ให้สัญญาณแก่ผู้ใช้เส้นทาง เจ้าหน้าที่ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถซ่อมแซมถนนได้ เนื่องจากคลื่นลมทะเลยังแรง ต้องรอให้คลื่นลมสงบก่อน

ชาวบ้านเล่าว่า ช่วงเย็นวานนี้ (2 ธ.ค.) คลื่นสูงกว่า 3 เมตร ซัดเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นช่วงน้ำทะเลหนุน ทำให้คลื่นมีกำลังแรงมาก แม้ว่าขณะนี้คลื่นทะเลจะเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ก็ยังห่วงว่า คืนนี้ช่วงน้ำทะเลหนุน ก็จะเกิดคลื่นลมแรงซัดฝั่งอีกครั้ง ด้านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปัตตานี มีคำสั่งให้ พื้นที่ที่อยู่ริมแม่น้ำปัตตานี และชายฝั่งปัตตานี ใน 6 อำเภอ เฝ้าระวังอันตรายจากคลื่นซัดชายฝั่ง และน้ำล้นตลิ่ง พร้อมห้ามลงเล่นน้ำ


5 ตำบลของ อ.ไชยาอ่วม จังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติ 13 อำเภอ

อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ 5 ตำบล ประกอบด้วย ต.ปากฉลุย ต.เวียง ต.ตลาดไชยา ต.เลม็ด และ ต.ทุ่ง ระดับน้ำยังท่วมสูง ส่วนทางหลวงหมายเลข 41 ซึ่งก่อนหน้านี้มีน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ตั้งแต่ช่วงดึกที่ผ่านมา ขณะนี้ระดับน้ำลดลงรถทุกชนิดสามารถสัญจรผ่านได้แล้ว ส่วนย่านเศรษฐกิจของอำเภอไชยาพบว่ามีน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร รถเล็กยังสามารถสัญจรไปมาได้

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่อำเภอไชยา สั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน โดยให้ระดมยุทโธปกรณ์ ทั้งรถบรรทุก รถยกสูง เรือท้องแบน รถสุขา เตรียมการให้พร้อมเพื่อออกช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดฯ ได้ประกาศเขตภัยพิบัติไปแล้วจำนวน 13 อำเภอ


มอบเงินไปให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางไปยังบ้านใน บ้านทือ ต.โมถ่าย อ.ไชยา เพื่อนำเงินค่าจัดการศพ และเงินสงเคราะห์ จำนวน 59,400 บาท มอบให้แก่ครอบครัวนายสุเมธ ชูขอบ ที่เสียชีวิตจากน้ำป่าพัดสูญหายระหว่างออกหาปลา และพบศพเมื่อวันที่ 25 พ.ย.64 นางนีวรรณ ชูชอบ มารดา นายสุเมธ ได้ขอบคุณทุกความช่วยเหลือ ที่ส่งมายังครอบครัวของตน

ส่วนชุมชนริมน้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้แก่ ชุมชนบ่อทรัพย์ และชุมชนหลังสถานีรถไฟ ยังคงมีน้ำท่วมสูง บางจุดระดับน้ำสูงเกือบ 1.5 เมตร เทศบาลได้เปิดโรงเรียนในเขตเทศบาลฯ เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว ส่วนในซอยต่างๆ ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ช่วงถนนราชดำเนิน – ถนนพัฒนาการคูขวาง ระดับน้ำเริ่มลดลงเหลือ 20-50 เซนติเมตร เทศบาลฯ เร่งสูบน้ำลงสู่คลองทั้ง 5 สาย และผลักดันลงสู่ทะเล คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีกก็จะสามารถระบายน้ำออกจากชุมชนใจกลางเมืองได้หมดเร็วๆนี้

ขณะที่พื้นที่ลุ่มต่ำใน ต.ท่าไร่ และ ต.ท่าซัก ของ อ.เมือง อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นทางผ่านของน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล น้ำยังท่วมสูงเช่นกัน นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสานกรมชลประทานนำเครื่องสูบน้ำ สูบระบายน้ำลงสู่ทะเลตั้งแต่เช้า ก่อนที่น้ำทะเลจะหนุนในช่วงบ่าย คาดพื้นที่ท้ายน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติภายในวันสองวันนี้

เร่งสำรวจความเสียหายน้ำป่า-ภูเขาถล่ม 3 ตำบลใน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง

หลังจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก ภูเขาพังถล่ม สร้างความเสียหายแก่พื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.โพรงจระเข้ ต.นาชุมเห็ด ต.ในควน ของอำเภอย่านตาขาว ซึ่งนับว่ามีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 40 ปี บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำป่าซัดพังเสียหายหลายหลัง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน สัตว์เลี้ยง ที่สวนของชาวบ้านได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง วันนี้หลายหน่วยงานเข้าให้การช่วยเหลือ เบื้องต้นโดยการมอบสิ่งของยังชีพเนื่องจากข้าวของหลายอย่างภายในบ้านถูกน้ำป่าท่วม และเร่งสำรวจความเสียหาย

นายสมนึก ธูปหอม นายอำเภอย่านตาขาว เปิดเผยว่า พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอยู่ติดเขาบรรทัด ประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหมด 300 หลังคาเรือน โดย ต.โพรงจระเข้ เสียหายหนักสุด พร้อมแจงกรณีชายป่วยติดเตียงอายุ 70 ปี เสียชีวิตหลังเกิดเหตุ ว่าไม่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำ แต่เนื่องจากขณะเกิดเหตุน้ำท่วมหนัก ไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ประกอบกับอากาศที่เย็นจึงทำให้ชายคนดังกล่าวมีอาการช็อก ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ไม่ได้จมน้ำเสียชีวิต ส่วนความเสียหายเป็นวงกว้างที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากน้ำป่ามาเร็วมาก และเหตุเกิดช่วงกลางดึก ชาวบ้านไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าจึงเก็บข้าวของไม่ทัน จากการสำรวจเบื้องต้นพบมีบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลังจำนวน 1 หลังคาเรือน และเสียหายบางส่วนอีกหลายสิบหลังคาเรือน

กรมชลฯ ยืนยัน ไม่มีเขื่อนแตกใน อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร

เจ้าหน้าที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 ร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสารภัยจังหวัดชุมพร ลงเรือสำรวจพื้นที่น้ำท่วม และมอบข้าวกล่อง น้ำดื่ม แก่ชาวบ้านในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ที่ถูกน้ำท่วมบ้านเรือนสูงกว่า 3 เมตร จนไม่สามารถออกจากบ้านได้ ขณะเดียวกันนายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ลงยังพื้นที่วนอุทยานแห่งชาติ “น้ำตกคลองเพรา” ม.5 บ้านทับช้าง ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก เพื่อติดตามการซ่อมแซมถนนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำป่า เพื่อให้ชาวบ้านสามารถสัญจรได้ตามปกติ

ส่วนกรณีมีข่าวลือและมีการแชร์ในโซเชียลมีเดียว่า เขื่อนตะโกแตก พร้อมทั้งมีภาพประกอบ และคลิปขอความช่วยเหลือจาก “นายกตู่” และภาพน้ำป่ากำลังไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ สำนักข่าวไทยได้ตรวจสอบไปยัง นายนพดล มีวิเศษ ผอ.โครงการชลประทานชุมพร ได้รับการยืนยันว่า “ในพื้นที่ อ.ทุ่งตะโก ไม่มีเขื่อน มีเพียงฝายน้ำล้นของกรมชลประทาน ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วไม่พบความเสียหายจากน้ำป่า หรือ ไม่พบว่ามีร่องรอยการแตกแต่อย่างใด พบเพียงน้ำที่ล้นออกมาตามปกติเท่านั้น เมื่อน้ำป่าไหลลงมาตามลำคลองประกอบกับน้าป่าจากภูเขา ทำให้น้ำป่าทะลักลงสู่พื้นราบปริมาณมาก จนทำให้มีการเข้าใจว่า ฝายดังกล่าวแตก ขอยืนยันว่าเรื่องเขื่อนแตกนั้นไม่เป็นความจริง”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]