หนุ่มคลั่งขังลูก-เมียต่อสายไฟกับถังแก๊ส ก่อนเจรจากันได้

ลพบุรี 28 พ.ย.- เกิดเหตุระทึกใน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี หนุ่มวัยรุ่นขังลูกเมียไว้บนบ้าน และต่อสายไฟเป็นชนวนกับหัวแก๊สหวังระเบิดบ้าน ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าไปเจรจาจนสงบสติอารมณ์เข้ามอบตัวกับตำรวจโดยดี


ตำรวจ สภ.บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชายวัยรุ่นอายุ 19 ปี คลุ้มคลั่งขังเมียและลูกน้อยวัย 2 เดือน ไว้บนบ้าน พร้อมกับนำถังแก๊สมาตัดสาย นำสายไฟเป็นชนวนต่อเข้ากับหัวแก๊ส หวังระเบิดบ้านหากยังคุยปัญหาคาใจไม่สำเร็จ หรือหากตำรวจเข้าจับกุม  

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูงมี นายอรุณ อายุ 19 ปี หนุ่มจากอำเภอธารโต จังหวัดยะลา ยืนโผล่หน้าต่างพร้อมตะโกนกับตำรวจว่าตนเองถูกกล่าวหา ถูกใส่ร้ายจากพี่สาวของภรรยาว่าเสพยาและค้ายาเสพติด วันนี้จะได้รู้เรื่องกัน เพราะว่าพี่ภรรยากลับมาที่บ้าน ต้องมาเลือกตั้ง อบต. ตนเตรียมพร้อมไว้แล้วจะขอพูดกันให้รู้เรื่อง หากคุยไม่รู้เรื่อง ตนจะจุดระเบิดถังแก๊ส และขอยอมสู้ตายหากตำรวจบุกเข้ามาจับตัวเอง โดยนายอรุณได้ปิดประตูขังภรรยาและลูกน้อยวัย 2 เดือนไว้


ขณะที่ตำรวจสายตรวจ ตำรวจงานสืบงานสวน สภ.บ้านหมี่ ต่างพยายามพูดเจรจา แต่นายอรุณก็ยังไม่มีท่าทีสงบ ใช้ไม้ทุบตีสิ่งของภายในบ้านเสียงดังสนั่น โดยมีเสียงร้องเรียกแม่ๆๆ จากภรรยามาเป็นระยะ จนสุดท้ายนายสุภัทร ลายน้ำเงิน กำนัน ต.บ้านกล้วย เดินทางมาถึงพร้อมขอเจรจาใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที นายอรุณจึงยอมมอบตัวกับกำนัน ถอดสายชนวนออกจากถังแก๊ส ลูกเมียลงมาจากบ้านอย่างปลอดภัย จากนั้นกำนัน ต.บ้านกล้วย จึงนำตัวนายอรุณส่ง สภ.บ้านหมี่ เพื่อดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนจะพิจารณาข้อหาต่างๆ หลังจากการสอบสวนแล้วเสร็จ 

ผู้สื่อข่าวสอบถามนางเพชรา ซึ่งเป็นแม่ยาย เล่าว่านายอรุณรักชอบลูกสาวตน เมื่อเช้าได้ยินว่าจะขอพูดคุยกับ น.ส.เอ ลูกสาวของตนอีกคน ซึ่งเป็นพี่สาวของ น.ส.สุวนันท์ ถึงเรื่องกล่าวหาว่านายอรุณ เสพและค้ายาเสพติด ที่ลูกสาวอยู่หมู่บ้านอื่นและจะมาเลือกตั้ง อบต. โดยตนเองและภรรยานายอรุณขอร้องไม่ต้องรื้อฟื้นเรื่องเก่า ขอให้ยกโทษกันไป แต่กลับทำให้นายอรุณเกิดอาการโมโหคลุ้มคลั่ง จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว 

ต่อมาตำรวจ สภ.บ้านหมี่ รับแจ้งจากนางเพชรา แม่ยายนายอรุณว่า ขอถอนแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายอรุณ เพราะสงสารลูกและหลาน โดยทางญาติและครอบครัว เห็นพ้องกันว่าจะเหมารถยนต์เพื่อให้นายอรุณ ลูกสาวตนและหลานวัย 2 เดือนกลับไปทำมาหากิน ประกอบอาชีพยังบ้านเกิดที่ จ.ยะลา โดยความสมัครใจ.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ เจ็บ 21

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บ 21 คน คาดคนขับหลับใน เบื้องต้นยังไม่พบตัว

เน้นเครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B, C คาดมีผู้ติดค้างจำนวนมาก

ฝนตกหนักช่วงเช้า เพิ่มอุปสรรคค้นหาผู้ประสบภัย และการรื้อซากอาคาร สตง.ถล่ม เจ้าหน้าที่ทุกส่วนต้องหยุดปฏิบัติภารกิจชั่วคราว วันนี้ยังเน้นใช้เครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B และโซน C ที่มีลักษณะคล้ายร่างกายมนุษย์ติดอยู่ในซาก ด้านทีม K9 ประกาศยุติภารกิจค้นหาผู้สูญหาย