สีสันวันเลือกตั้ง อบต. ทั่วประเทศ

สตูล 28 พ.ย.- การเลือกตั้งนายก และสมาชิก อบต. ทั่วประเทศวันนี้ แต่ละพื้นที่มีสีสันน่าสนใจ อาทิ ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 บ้านวังนาใน ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเงาะป่ามานิ ประมาณ 10 คน เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้ง พร้อมโชว์บัตรประชาชนอย่างถูกต้อง 


เงาะป่าหัวใจประชาธิปไตยใช้สิทธิเลือก อบต.

บรรยากาศการเลือกตั้งนายก อบต.และสมาชิกสภา อบต.ใน จ.สตูล แม้ไม่คึกคักเพราะฝนตกลงมาตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 บ้านวังนาใน ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล กลับมีสีสันไม่น้อย เมื่อกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเงาะป่ามานิซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 10 คน ออกจากป่าเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง พร้อมโชว์บัตรประจำตัวประชาชนให้ดู และฝากถึงผู้นำเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มชาวเงาะป่ามานิ โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้ามาแก้ปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยเนื่องจากชาวมานิมีประชากรที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การรณรงค์ให้ชาวมานิได้เข้าถึงวัคซีนกันมากขึ้นด้วย


ตัวไม่พร้อม แต่ใจพร้อม แม้พิการก็ไปใช้สิทธิไม่ขาด

ขณะที่การเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบต. ที่จังหวัดสงขลา หน่วยเลือกตั้งศาลาอเนกประสงค์ ต.เกาะยอ อ.เมืองสงขลา ต้องชื่นชมสปิริต 2 หนุ่มพิการอย่างนายอดิเทพ ซึ่งเป็นผู้พิการทางสมอง แต่สภาพร่างกายมีความพร้อมในการเดินทางออกมาใช้สิทธิ เช่นเดียวกับนายวิจารณ์ พิการร่างกายเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก ยังออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง โดยตั้งใจเลือกคนดีเข้ามาบริหารบ้านเมืองเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตน      

ยายวัย 90 ปีเพิ่มไฟให้ตัวเองก่อนกาบัตรเลือกตั้ง


เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 3 หน่วยเลือกตั้ง ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง บันทึกไว้ขณะที่คุณยายเลื่อน จิตรแหง อายุ 90 ปี เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบต.ท่ามกลางสายฝน ซึ่งคุณยายเลื่อนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ด้วยการใช้ไฟฉายคาดหัวสำหรับกรีดยางพารามาด้วย เพราะคุณยายกลัวว่าแสงไฟจะไม่สว่างมากพอ ทำให้มองไม่เห็นช่องกาบัตรเลือกตั้ง เมื่อเดินเข้าคูหาคุณยายก็เปิดไฟฉายและกาบัตรเลือกตั้ง ก่อนจะเดินมาหย่อนบัตรโดยมีเจ้าหน้าที่ คอยประคองจนกระทั่งเดินออกจากคูหา สร้างความประทับใจให้กับเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน

ทวด 5 แผ่นดินใช้สิทธิเลือกตั้งทุกครั้งไม่เคยขาด

ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 ศาลาบ้านป่าอ้อย ต.โมถ่าย อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี คุณทวดเอื้อน ช่วยเอื้อ อายุ 105 ปี เดินทางไปใช้สิทธิด้วยสายตาที่มองเห็นชัดไม่ต้องสวมแว่นตา แต่หูไม่ค่อยได้ยิน ต้องพูดเสียงดังนิดหน่อย จากนั้นได้ตรวจวัดอุณหภูมิเข้าลงลายมือชื่อรับบัตรเลือกตั้งเข้าคูหา และเดินไปหย่อนบัตรเลือกตั้งด้วยมือของตัวเอง ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้ความสนใจอย่างมาก คุณทวดเอื้อน เล่าว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งจะมาใช้สิทธิทุกครั้งไม่เคยขาด ส่วนการดูแลสุขภาพทุกวันนี้ตอนเช้าจะเดินออกกำลังกายรอบบ้าน ส่วนเรื่องอาหารก็กินอาหารตามปกติ โดยคุณทวดเอื้อนท่านนี้เกิดเมื่อ พ.ศ. 2460 ในสมัยรัชกาลที่ 6 

ถึงยังบาดเจ็บก็ต้องมาเลือกตั้ง

ส่วนการเลือกตั้งนายก และสมาชิก อบต.โคกพระเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและประชาชน เมื่อนายสุคนธ์ ศรีสำราญ ผู้สมัครนายก อบต. เดินทางไปใช้สิทธิลงคะแนนในสภาพที่มีอุปกรณ์การแพทย์ติดอยู่ที่หัวและคอ หลังจากก่อนหน้านี้ถูกซุ่มยิงจากมือปืนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนายสุคนธ์บอกว่ายังหวาดระแวงเรื่องความปลอดภัย ที่ผ่านมาออกไปเดินหาเสียงเพียง 6 วัน แต่เชื่อว่าไม่เป็นอุปสรรคการทำงาน หากได้รับการเลือกตั้งเวลานี้อยากขอให้ตำรวจช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

กักตัวโควิด แต่ก็ยังเลือกตั้งได้

ที่โรงเรียนบ้านแม่แจ๊ะ ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ แม้ต้องปิดการเข้า-ออกหมู่บ้านและกักตัวคนในหมู่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับการเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบต. เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งสวมใส่ชุด PPE อย่างแน่นหนา อำนวยความสะดวกสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ และคัดกรองผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัย มีชาวบ้านในพื้นที่ต่อแถวใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]