นำร่าง จนท.พิทักษ์ป่าเสียชีวิตออกมาได้แล้ว-เร่งสางคดี

กาญจนบุรี 27 พ.ย. – เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ายิงตัวเองเสียชีวิตออกจากป่าได้แล้ว เตรียมส่งชันสูตรอย่างละเอียดเพื่อสรุปคดี ครอบครัวไม่เชื่อยิงตัวเอง เพราะไม่มีเหตุผล


เฮลิคอปเตอร์ของกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ลำเลียงศพนายคฑาวุธ กลมเกลียว อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ออกมาจากจุดเกิดเหตุได้แล้ว และลงจอดที่ลานจอดชั่วคราวจุดชมวิวป้อมปี่ ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี ได้สำเร็จ จากนั้นหน่วยกู้ชีพได้นำรถเข้าไปรับศพเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ในเบื้องต้นที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ โดยผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ ว่าศพของผู้เสียชีวิตนั้นมีสภาพขึ้นอืด โดยเฉพาะบริเวณใบหน้ามีสภาพบวมแทบจะมองไม่เห็นใบหน้า

เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจ ATK หาเชื้อโควิด-19 ในเบื้องต้น ซึ่งไม่พบเชื้อ ก่อนเร่งนำส่งไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ภายในวันนี้


ด้านพลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางมาสั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน เพราะญาติผู้เสียชีวิตยังติดใจสาเหตุในหลายประเด็น โดยให้พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ รวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำอุปกรณ์เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกับให้พนักงานพิทักษ์ป่าที่อยู่ในเหตุการณ์ร่วมพาเจ้าหน้าที่ชี้จุดเกิดเหตุทุกจุด

ขณะที่น้าสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า หลังจากเจ้าหน้าที่นำศพหลานชายออกมาแล้วจะเป็นขั้นตอนการชันสูตร หลังจากนั้นจะขอนำศพไปทำพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนาใน จ.สุโขทัย ซึ่งพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตรออยู่ที่บ้าน ไม่สามารถเดินทางมาได้ และไม่เชื่อว่านายคฑาวุธจะยิงตัวเอง เพราะไม่มีเหตุผล

สำหรับคดีนี้ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน หลังเจ้าหน้าที่ 7 คน พานักวิจัยเดินเท้าเข้าไปยังป่าลึก เพื่อติดตั้งกล้องติดตามสัตว์ตระกูลแมวป่า (เสือโคร่ง) ในกลุ่มป่าทางทิศใต้ของผืนป่าตะวันตก ในพื้นอุทยานแห่งชาติเขาแหลม


หลังจากนั้นผ่านไป 4 วัน ปรากฏว่าเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น เพราะในช่วงเช้าวันที่ 25 พฤศจิกายน ได้รับแจ้งจากหัวหน้าชุดว่ามีเจ้าหน้าที่ทำร้ายกันบาดเจ็บ 1 คน และเสียชีวิต 1 ราย โดยจุดเกิดเหตุเป็นผืนป่าดงดิบกลางหุบเขา บริเวณรอยต่อของอุทยานฯ เขาแหลม อุทยานฯ ลำคลองงู และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

หลังจากนั้นจึงเริ่มเปิดปฏิบัติการเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันที แต่ปรากฏว่าไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ จึงปรับแผนด้วยการโรยตัวนำเลื่อยยนต์เข้าไปทำลานจอด พร้อมกับนำเสบียงเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนอีกด้านได้ส่งชุดเดินเท้าเข้าพื้นที่ 14 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย เดินเท้าเข้าไปสมทบ ซึ่งใช้เวลานานเกือบ 2 วัน

กระทั่งเวลา 18.20 น. เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) เจ้าหน้าที่สามารถนำตัวผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกมาได้ก่อน 2 คน ประกอบด้วย นายภาคภูมิ มะเกิ๋น ผู้ได้รับบาดเจ็บ และนายปริญญา เย็นจิตร นักวิจัยมูลนิธิฟรีแลนด์ ที่เข้าไปติดตั้งกล้อง ก่อนเร่งนำตัวนายภาคภูมิส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ ส่วนตัวของนายปริญญาถูกกันเอาไว้เป็นพยานในคดี

นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม บอกว่า ยังไม่ทราบสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างรักใคร่กลมเกลียวกัน และต้องปล่อยให้ตำรวจสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง

จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการพบว่าก่อนเกิดเหตุขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับ จนกระทั่งกลางดึกของคืนวันที่ 24 ต่อเนื่องรุ่งเช้าวันที่ 25 พฤศจิกายน ปรากฏว่านายคฑาวุธได้เกิดอาการคลุ้มคลั่งและพูดจาพร่ำเพ้อถึงภรรยา จากนั้นได้ถือมีดเดินปรี่มาทำร้ายนายภาคภูมิขณะนอนอยู่บนเปลจนบาดเจ็บ หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทำให้ทุกคนวิ่งหนีเอาตัวรอดไปหลบอยู่ตามป่า อีกไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด จากนั้นเสียงก็เงียบไป เวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ทุกคนจึงตัดสินใจออกมาจากที่ซ่อนตัว และเดินตามหาตัวนายคฑาวุธ จนสุดท้ายมาพบร่างนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณริมห้วย ในสภาพถูกจ่อยิงเข้าที่ใต้คาง มือทั้ง 2 ข้างกอดอาวุธปืนลูกซองยาวเอาไว้ สร้างความตกใจให้กับทุกคน

สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนคดี หลังจากนี้ต้องรอพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ซึ่งขณะนี้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ สรุปข้อมูลที่แน่ชัด โดยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่อยู่ในเหตุการณ์ 5 นาย ยังคงอยู่ในจุดเกิดเหตุ เพื่อนำพาชี้จุดและเก็บหลักฐาน รวมถึงให้ปากคำถึงเหตุการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้จะต้องพิสูจน์บาดแผลที่นายคฑาวุธถูกยิง และตรวจสอบคราบเขม่าดินปืนอีกครั้ง

มีรายงานว่าในจุดเกิดเหตุยังมีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ คาดว่าเมื่อภารกิจแล้วเสร็จจะนำเฮลิคอปเตอร์ออกไปรับทั้งหมดภายในวันนี้ (27 พ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]