BIG STORY : ฟังจากปาก 2 ฝ่าย ปมวิวาห์ล่ม

ชุมพร 23 พ.ย. – กรณีคู่บ่าวสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วแต่กลับถูกครอบครัวเจ้าบ่าวขอยกเลิกงานแต่ง ให้เหตุผลไม่มีเงินสินสอด ด้านฝ่ายชายพาทั้งแม่และพี่สาวออกมาโต้ ยืนยันไม่ได้เทงานแต่ง แค่เลื่อน แต่ฝ่ายหญิงจัดการเองหมดโดยไม่ปรึกษา ยอมรับตอนแรกไม่คิดออกมาตอบโต้ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้คงต้องออกมาพูดเพื่อศักดิ์ศรีของครอบครัว


กรณีคู่บ่าวสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่กลับถูกครอบครัวเจ้าบ่าวขอยกเลิกงานแต่ง ให้เหตุผลไม่มีเงินสินสอด ส่วนเจ้าบ่าวก็ติดต่อไม่ได้ ล่าสุดเจ้าสาวออกมาบอกว่าหากทำกันแบบนี้ขอตัดสัมพันธ์รัก 9 ปี พร้อมบอกให้เจ้าบ่าวแมนๆ มาคุยและเคลียร์หนี้ด้วย หากไม่มาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นล้าน

เหตุการณ์นี้โด่งดังขึ้นเมื่อเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์เรื่องราวสุดเศร้าของเจ้าสาว โดยบอกว่าความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งต้องล้มครื้นลงทันที หลังถูกฝ่ายชายและทางญาติยกเลิกการจัดงานแต่งไปอย่างดื้อๆ สั่งให้ทั้งคู่หยุดความสัมพันธ์ ทั้งที่คบกันมานานถึง 9 ปี ที่สำคัญทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ การ์ดเชิญ ของชำร่วย รวมถึงเรือนหอที่ใกล้เสร็จ รอแค่แขกที่จะไปแสดงความยินดีกับงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน จู่ๆ ญาติฝ่ายชายโทรมายกเลิกด้วยเหตุผลสั้นๆ คือยังไม่มีเงินสินสอด เออ…จบทุกอย่างแบบนี้ง่ายๆ ก็ได้ด้วย เห็นใจผู้หญิง เสียทั้งเงิน เสียทั้งความรู้สึก แถมเสียหน้าอีก แบบนี้น่าหาทนายมือดีมาช่วยจัดการจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่น


เจ้าสาวแจงละเอียด คบ 9 ปี ถูกเท เครียดหนักถึงขั้นกินยาตาย
หลังเรื่องราวถูกแชร์ไป มีคนมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ทั้งแสดงความเสียใจกับเจ้าสาว ต่อว่าเจ้าบ่าว และบางรายก็คอมเมนต์ในเชิงตั้งคำถามว่าเรียกสินสอดแพงไปใช่ไหมถึงถูกเท ทำให้เจ้าสาวต้องออกมาโพสต์อธิบายเรื่องราว โดยเธอบอกว่ารู้จักกับฝ่ายชายเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2555 ตอนนั้นเธออยู่ ม.5 ตั้งแต่รู้จักคบหากันมา ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย รักกันดีมาก ดูแลกันดีมาก และหลังคบกันมานาน 9 ปี วันที่ 21 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ฝ่ายชายก็มาขอเธอแต่งงาน

จากนั้น 8 เมษายน ครอบครัวของฝ่ายชายเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายเธอมาคุยเรื่องสินสอด ก่อนที่จะตกลงกันเป็นเงิน 600,000 บาท ทอง 5 บาท ส่วนเรื่องงานให้ครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นคนเตรียมและจองบ้าน ขณะที่ฝ่ายชายไปหาฤกษ์ที่วัด พร้อมนัดจองถ่ายพรีเวดดิ้งกันวันที่ 17 กรกฎาคม ส่วนฤกษ์ที่ไปถามทางวัด ได้ฤกษ์วันที่ 14 พฤศจิกายน

เธอบอกว่าก่อนถึงวันแต่ง ช่วงเตรียมงานเธอก็ได้ปรึกษากับแฟนว่าจัดกันภายในครอบครัว โดยนัดจดทะเบียนสมรสกันวันที่ 12 พฤศจิกายน ถ่ายรูปทะเบียนสมรสวันที่ 14 พฤศจิกายน (วันแต่ง) แต่ยังไม่ทันถึงวันจดทะเบียนสมรส และวันแต่ง วันที่ 10 พฤศจิกายน ก็เกิดปัญหา ครอบครัวฝ่ายชายโทรมา และมีปากเสียงกับลูกของตัวเองด้วย จากนั้นเธอก็ติดต่อแฟนไม่ได้ ทำให้เธอเครียดกินยาฆ่าตัวตาย


ผ่านไป 2 วัน (12 พ.ย.) เธอทนไม่ไหว จึงขอหมอออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปตามหาแฟน กระทั่งไปพบอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่เขาบอกว่าเขาขออยู่วัดก่อนเพื่อความสบายใจ แต่เธอมารู้ภายหลังว่าเขากลับบ้านไปกับครอบครัวในคืนนั้นแล้วไม่ติดต่อมาอีกเลย มือถือก็ปิด ทำให้เธอต้องโทรไปเบอร์คนในครอบครัวเขาแทน และก็ได้รับคำตอบจากฝ่ายชายว่า ขอจบกันเท่านี้

เธอบอกว่าวินาทีนั้นเหมือนตายทั้งเป็น หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อแม่ ครอบครัว อับอายขายหน้าไปหมด มีแต่คำถามทุกวัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อยากจะตายให้พ้นไป ยิ่งมาตอนหลังรู้ข่าวว่าฝ่ายชายกับครอบครัวกินอิ่ม นอนหลับ ไม่ทุกข์ใจ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ ทั้งๆ ที่คบกันมา 9 ปี และนอกจากรู้ว่าเขากินอิ่ม นอนหลับ และเขาก็รู้ว่าเธอเสียใจ ครอบครัวฝ่ายชายยังมากดอีโมจิหัวเราะ เธอยิ่งแค้นใจ อยากขอความเป็นธรรม ฝากคนที่รู้จักหากเจอผู้ชายคนนี้ฝากถามเขาหน่อย จิตใจทำด้วยอะไร

เรียกร้องฝ่ายชายมาคุยแมนๆ เคลียร์หนี้ก่อนถูกฟ้องเป็นล้าน
ส่วนประเด็นเรื่องสินสอดที่หลายคนสงสัย เรียกไปแพงจริงจนฝ่ายชายไม่มีให้ ฝ่ายชายทำงานอะไร วันนี้ที่ฝ่ายหญิงได้มาออกรายการดังช่องหนึ่ง เธอให้ข้อมูลว่าครอบครัวฝ่ายชายมีฐานะดี มีธุรกิจส่วนตัว ส่วนฝ่ายชายเปิดอู่ซ่อมรออยู่ที่ชุมพร ที่สำคัญกว่านั้น ที่แม่เธอเรียกสินสอดไปเป็นเงินสด 600,000 บาท ทอง 5 บาท แม่ถามฝ่ายชายแล้วว่าไหวไหม เพราะถ้าไม่ไหวแม่ให้ฟรีไปเลย ทางนั้นบอกว่าไหว ทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน และไม่ใช่เรื่องมีผู้หญิงคนอื่นด้วย ตอนนี้ที่เธอออกมาพูดกับสังคม เพราะอยากมาทวงศักดิ์ศรีคืน หากฝ่ายชายอยากจบ เธอบอกเลยวันนี้จบได้เลย แต่ขอให้มาคุยแบบแมนๆ เหมือนตอนมาจีบ เพราะตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ ที่สำคัญตอนนี้มีหนี้การจัดงานแต่ง ทั้งค่าจองโรงแรม พรีเวดดิ้ง ดอกไม้ ค่าชุด อยู่ 170,000 บาท เพราะฝ่ายเธอสำรองจ่ายทั้งหมด ยืนยันแม้ยังรักและห่วงใย แต่จะไม่กลับไปหา และหากฝ่ายชายไม่มาคุยไกล่เกลี่ยดีๆ จะฟ้องเป็นล้าน ฟ้องให้มากกว่าค่างานแต่งที่จ่ายไปเกือบ 200,000 บาทด้วย

ฝ่ายชายโต้ไม่ได้ “เท” แค่ “เลื่อน” แต่ยอมรับขอจบเรื่องเอง
นายกฤษฎา หรือเกม อายุ 27 ปี ยืนยันไม่ได้เทงานแต่ง และตลอดเวลาที่คบกันเขาได้ช่วยเหลือดูแลฝ่ายหญิงมาตลอด ไม่ว่าจะให้ทำอะไร ไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน ซื้อกับข้าว ทั้งๆ ที่ตอนอยู่บ้านของตัวเองไม่เคยทำ ย้ำว่าที่ผ่านมาตามใจทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา แก้ไขตัวเองในทุกๆ เรื่อง ปรับเปลี่ยนตัวเองจนบางครั้งแทบรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

นอกจากนี้หากถามเรื่องว่ามือที่ 3 ยืนยันว่าไม่มีทั้งคู่ เพราะต่างคนต่างตั้งใจสร้างครอบครัวด้วยกัน และช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงพูดเรื่องแต่งงานมาตลอด โดยบอกว่าเลข 7 เป็นเลขอาถรรพ์ กลัวจะเลิกกัน จึงอยากแต่งงาน ขอให้ฝ่ายชายมาขอ แต่ส่วนตัวรู้ว่าที่บ้านยังไม่พร้อม เพราะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจในตอนนี้ และโควิดที่กำลังระบาด แต่ยอมรับว่าไม่ได้บอกฝ่ายหญิงว่างานการที่ทำอยู่ขาดสภาพคล่อง เพียงแต่คอยบอกฝ่ายหญิงว่าพ่อแม่ยังไม่ว่าง เพื่อจะได้หาเหตุผลเลื่อนการสู่ขอออกไป กระทั่งฝ่ายหญิงยื่นคำขาดหากไม่มาสู่ขอก็จะเลิก ทำให้ต้องยอมมาคุยกับพ่อแม่ และตกลงกันเรื่องสินสอด โดยมีฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการในเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้ง หาฤกษ์แต่งงาน และเตรียมงานทุกอย่างเองหมด ส่วนตัวในตอนนั้นคิดว่าคงจะหาเงินสินสอดมาได้ ย้ำว่าตัวเองรู้ดีว่าพ่อแม่ไม่พร้อม แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารฝ่ายหญิง เพราะเตรียมเรื่องต่างๆ ไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายหญิงไปหาฤกษ์แต่งงาน พ่อแม่ของตนได้ขอเลื่อนงานแต่งไปก่อน เพราะยังไม่มีค่าสินสอด โดยบอกว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นจะจัดเลี้ยง จัดงานแต่งงานให้เหมือนเดิม พร้อมกับยอมรับช่วงก่อนงานแต่งไม่กี่วัน รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่มีสินสอดที่จะเอาไปให้ฝ่ายหญิงแน่นอน และคิดว่าคงจะไม่จดทะเบียนสมรส หรือมีงานแต่งเกิดขึ้น ทำให้คิดจบปัญหาทั้งหมด โดยการจบชีวิตตัวเอง แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าฝ่ายชายจะไม่มาจดทะเบียนสมรส จึงกินยาฆ่าตัวตาย ส่วนแม่ของฝ่ายหญิงได้มาบอกว่าหากไม่มีสินสอดมาก็ขอจบกันเท่านี้ เพราะถือว่าเลี้ยงดูลูกของเขาไม่ได้

เกมยังย้ำอีกว่าหลังจากนั้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน ก็คิดจะจบชีวิตตัวเอง เพื่อจบปัญหา จึงขับรถออกจากบ้านไป ลงไปในทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง จึงไปขออาศัยอยู่ที่วัดในแถบนั้น จนพี่สาวมาตามหาเจอจึงพากลับบ้าน ยอมรับตอนแรกไม่คิดออกมาตอบโต้ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้คงต้องออกมาพูดเพื่อศักดิ์ศรีของครอบครัว

แม่รับสินสอดแพงไม่พอจ่าย-แค่ขอลูกเลื่อนงานแต่ง ไม่ได้เท
ส่วนแม่ของฝ่ายชายให้ข้อมูลเพิ่มว่า ลูกบอกให้ไปคุยกับครอบครัวฝ่ายหญิง ทางนั้นบอกว่าเรียกไม่แพง แม่เลยตัดสินใจไปคุย แต่เมื่อไปคุยครอบครัวฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเป็นเงินสด 800,000 บาท ทองคำ 10 บาท แม่จึงต่อรองทางนั้นจึงลดให้เหลือ 600,000 บาท กับทองคำ 5 บาท ยืนยันว่าขอเลื่อน ไม่ได้ยกเลิกงาน จนมารู้ทีหลังแม่ฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่า แม่จึงไปคุยกับเกม เกมก็บอกว่าขอจบทุกอย่าง ไม่ไปต่อ ด้วยท่าทางที่ไม่มีความสุข และหายตัวไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย