BIG STORY : ฟังจากปาก 2 ฝ่าย ปมวิวาห์ล่ม

ชุมพร 23 พ.ย. – กรณีคู่บ่าวสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วแต่กลับถูกครอบครัวเจ้าบ่าวขอยกเลิกงานแต่ง ให้เหตุผลไม่มีเงินสินสอด ด้านฝ่ายชายพาทั้งแม่และพี่สาวออกมาโต้ ยืนยันไม่ได้เทงานแต่ง แค่เลื่อน แต่ฝ่ายหญิงจัดการเองหมดโดยไม่ปรึกษา ยอมรับตอนแรกไม่คิดออกมาตอบโต้ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้คงต้องออกมาพูดเพื่อศักดิ์ศรีของครอบครัว


กรณีคู่บ่าวสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่กลับถูกครอบครัวเจ้าบ่าวขอยกเลิกงานแต่ง ให้เหตุผลไม่มีเงินสินสอด ส่วนเจ้าบ่าวก็ติดต่อไม่ได้ ล่าสุดเจ้าสาวออกมาบอกว่าหากทำกันแบบนี้ขอตัดสัมพันธ์รัก 9 ปี พร้อมบอกให้เจ้าบ่าวแมนๆ มาคุยและเคลียร์หนี้ด้วย หากไม่มาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นล้าน

เหตุการณ์นี้โด่งดังขึ้นเมื่อเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์เรื่องราวสุดเศร้าของเจ้าสาว โดยบอกว่าความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งต้องล้มครื้นลงทันที หลังถูกฝ่ายชายและทางญาติยกเลิกการจัดงานแต่งไปอย่างดื้อๆ สั่งให้ทั้งคู่หยุดความสัมพันธ์ ทั้งที่คบกันมานานถึง 9 ปี ที่สำคัญทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ การ์ดเชิญ ของชำร่วย รวมถึงเรือนหอที่ใกล้เสร็จ รอแค่แขกที่จะไปแสดงความยินดีกับงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน จู่ๆ ญาติฝ่ายชายโทรมายกเลิกด้วยเหตุผลสั้นๆ คือยังไม่มีเงินสินสอด เออ…จบทุกอย่างแบบนี้ง่ายๆ ก็ได้ด้วย เห็นใจผู้หญิง เสียทั้งเงิน เสียทั้งความรู้สึก แถมเสียหน้าอีก แบบนี้น่าหาทนายมือดีมาช่วยจัดการจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่น


เจ้าสาวแจงละเอียด คบ 9 ปี ถูกเท เครียดหนักถึงขั้นกินยาตาย
หลังเรื่องราวถูกแชร์ไป มีคนมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ทั้งแสดงความเสียใจกับเจ้าสาว ต่อว่าเจ้าบ่าว และบางรายก็คอมเมนต์ในเชิงตั้งคำถามว่าเรียกสินสอดแพงไปใช่ไหมถึงถูกเท ทำให้เจ้าสาวต้องออกมาโพสต์อธิบายเรื่องราว โดยเธอบอกว่ารู้จักกับฝ่ายชายเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2555 ตอนนั้นเธออยู่ ม.5 ตั้งแต่รู้จักคบหากันมา ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย รักกันดีมาก ดูแลกันดีมาก และหลังคบกันมานาน 9 ปี วันที่ 21 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ฝ่ายชายก็มาขอเธอแต่งงาน

จากนั้น 8 เมษายน ครอบครัวของฝ่ายชายเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายเธอมาคุยเรื่องสินสอด ก่อนที่จะตกลงกันเป็นเงิน 600,000 บาท ทอง 5 บาท ส่วนเรื่องงานให้ครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นคนเตรียมและจองบ้าน ขณะที่ฝ่ายชายไปหาฤกษ์ที่วัด พร้อมนัดจองถ่ายพรีเวดดิ้งกันวันที่ 17 กรกฎาคม ส่วนฤกษ์ที่ไปถามทางวัด ได้ฤกษ์วันที่ 14 พฤศจิกายน

เธอบอกว่าก่อนถึงวันแต่ง ช่วงเตรียมงานเธอก็ได้ปรึกษากับแฟนว่าจัดกันภายในครอบครัว โดยนัดจดทะเบียนสมรสกันวันที่ 12 พฤศจิกายน ถ่ายรูปทะเบียนสมรสวันที่ 14 พฤศจิกายน (วันแต่ง) แต่ยังไม่ทันถึงวันจดทะเบียนสมรส และวันแต่ง วันที่ 10 พฤศจิกายน ก็เกิดปัญหา ครอบครัวฝ่ายชายโทรมา และมีปากเสียงกับลูกของตัวเองด้วย จากนั้นเธอก็ติดต่อแฟนไม่ได้ ทำให้เธอเครียดกินยาฆ่าตัวตาย


ผ่านไป 2 วัน (12 พ.ย.) เธอทนไม่ไหว จึงขอหมอออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปตามหาแฟน กระทั่งไปพบอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่เขาบอกว่าเขาขออยู่วัดก่อนเพื่อความสบายใจ แต่เธอมารู้ภายหลังว่าเขากลับบ้านไปกับครอบครัวในคืนนั้นแล้วไม่ติดต่อมาอีกเลย มือถือก็ปิด ทำให้เธอต้องโทรไปเบอร์คนในครอบครัวเขาแทน และก็ได้รับคำตอบจากฝ่ายชายว่า ขอจบกันเท่านี้

เธอบอกว่าวินาทีนั้นเหมือนตายทั้งเป็น หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อแม่ ครอบครัว อับอายขายหน้าไปหมด มีแต่คำถามทุกวัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อยากจะตายให้พ้นไป ยิ่งมาตอนหลังรู้ข่าวว่าฝ่ายชายกับครอบครัวกินอิ่ม นอนหลับ ไม่ทุกข์ใจ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ ทั้งๆ ที่คบกันมา 9 ปี และนอกจากรู้ว่าเขากินอิ่ม นอนหลับ และเขาก็รู้ว่าเธอเสียใจ ครอบครัวฝ่ายชายยังมากดอีโมจิหัวเราะ เธอยิ่งแค้นใจ อยากขอความเป็นธรรม ฝากคนที่รู้จักหากเจอผู้ชายคนนี้ฝากถามเขาหน่อย จิตใจทำด้วยอะไร

เรียกร้องฝ่ายชายมาคุยแมนๆ เคลียร์หนี้ก่อนถูกฟ้องเป็นล้าน
ส่วนประเด็นเรื่องสินสอดที่หลายคนสงสัย เรียกไปแพงจริงจนฝ่ายชายไม่มีให้ ฝ่ายชายทำงานอะไร วันนี้ที่ฝ่ายหญิงได้มาออกรายการดังช่องหนึ่ง เธอให้ข้อมูลว่าครอบครัวฝ่ายชายมีฐานะดี มีธุรกิจส่วนตัว ส่วนฝ่ายชายเปิดอู่ซ่อมรออยู่ที่ชุมพร ที่สำคัญกว่านั้น ที่แม่เธอเรียกสินสอดไปเป็นเงินสด 600,000 บาท ทอง 5 บาท แม่ถามฝ่ายชายแล้วว่าไหวไหม เพราะถ้าไม่ไหวแม่ให้ฟรีไปเลย ทางนั้นบอกว่าไหว ทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน และไม่ใช่เรื่องมีผู้หญิงคนอื่นด้วย ตอนนี้ที่เธอออกมาพูดกับสังคม เพราะอยากมาทวงศักดิ์ศรีคืน หากฝ่ายชายอยากจบ เธอบอกเลยวันนี้จบได้เลย แต่ขอให้มาคุยแบบแมนๆ เหมือนตอนมาจีบ เพราะตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ ที่สำคัญตอนนี้มีหนี้การจัดงานแต่ง ทั้งค่าจองโรงแรม พรีเวดดิ้ง ดอกไม้ ค่าชุด อยู่ 170,000 บาท เพราะฝ่ายเธอสำรองจ่ายทั้งหมด ยืนยันแม้ยังรักและห่วงใย แต่จะไม่กลับไปหา และหากฝ่ายชายไม่มาคุยไกล่เกลี่ยดีๆ จะฟ้องเป็นล้าน ฟ้องให้มากกว่าค่างานแต่งที่จ่ายไปเกือบ 200,000 บาทด้วย

ฝ่ายชายโต้ไม่ได้ “เท” แค่ “เลื่อน” แต่ยอมรับขอจบเรื่องเอง
นายกฤษฎา หรือเกม อายุ 27 ปี ยืนยันไม่ได้เทงานแต่ง และตลอดเวลาที่คบกันเขาได้ช่วยเหลือดูแลฝ่ายหญิงมาตลอด ไม่ว่าจะให้ทำอะไร ไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน ซื้อกับข้าว ทั้งๆ ที่ตอนอยู่บ้านของตัวเองไม่เคยทำ ย้ำว่าที่ผ่านมาตามใจทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา แก้ไขตัวเองในทุกๆ เรื่อง ปรับเปลี่ยนตัวเองจนบางครั้งแทบรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

นอกจากนี้หากถามเรื่องว่ามือที่ 3 ยืนยันว่าไม่มีทั้งคู่ เพราะต่างคนต่างตั้งใจสร้างครอบครัวด้วยกัน และช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงพูดเรื่องแต่งงานมาตลอด โดยบอกว่าเลข 7 เป็นเลขอาถรรพ์ กลัวจะเลิกกัน จึงอยากแต่งงาน ขอให้ฝ่ายชายมาขอ แต่ส่วนตัวรู้ว่าที่บ้านยังไม่พร้อม เพราะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจในตอนนี้ และโควิดที่กำลังระบาด แต่ยอมรับว่าไม่ได้บอกฝ่ายหญิงว่างานการที่ทำอยู่ขาดสภาพคล่อง เพียงแต่คอยบอกฝ่ายหญิงว่าพ่อแม่ยังไม่ว่าง เพื่อจะได้หาเหตุผลเลื่อนการสู่ขอออกไป กระทั่งฝ่ายหญิงยื่นคำขาดหากไม่มาสู่ขอก็จะเลิก ทำให้ต้องยอมมาคุยกับพ่อแม่ และตกลงกันเรื่องสินสอด โดยมีฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการในเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้ง หาฤกษ์แต่งงาน และเตรียมงานทุกอย่างเองหมด ส่วนตัวในตอนนั้นคิดว่าคงจะหาเงินสินสอดมาได้ ย้ำว่าตัวเองรู้ดีว่าพ่อแม่ไม่พร้อม แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารฝ่ายหญิง เพราะเตรียมเรื่องต่างๆ ไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายหญิงไปหาฤกษ์แต่งงาน พ่อแม่ของตนได้ขอเลื่อนงานแต่งไปก่อน เพราะยังไม่มีค่าสินสอด โดยบอกว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นจะจัดเลี้ยง จัดงานแต่งงานให้เหมือนเดิม พร้อมกับยอมรับช่วงก่อนงานแต่งไม่กี่วัน รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่มีสินสอดที่จะเอาไปให้ฝ่ายหญิงแน่นอน และคิดว่าคงจะไม่จดทะเบียนสมรส หรือมีงานแต่งเกิดขึ้น ทำให้คิดจบปัญหาทั้งหมด โดยการจบชีวิตตัวเอง แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าฝ่ายชายจะไม่มาจดทะเบียนสมรส จึงกินยาฆ่าตัวตาย ส่วนแม่ของฝ่ายหญิงได้มาบอกว่าหากไม่มีสินสอดมาก็ขอจบกันเท่านี้ เพราะถือว่าเลี้ยงดูลูกของเขาไม่ได้

เกมยังย้ำอีกว่าหลังจากนั้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน ก็คิดจะจบชีวิตตัวเอง เพื่อจบปัญหา จึงขับรถออกจากบ้านไป ลงไปในทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง จึงไปขออาศัยอยู่ที่วัดในแถบนั้น จนพี่สาวมาตามหาเจอจึงพากลับบ้าน ยอมรับตอนแรกไม่คิดออกมาตอบโต้ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้คงต้องออกมาพูดเพื่อศักดิ์ศรีของครอบครัว

แม่รับสินสอดแพงไม่พอจ่าย-แค่ขอลูกเลื่อนงานแต่ง ไม่ได้เท
ส่วนแม่ของฝ่ายชายให้ข้อมูลเพิ่มว่า ลูกบอกให้ไปคุยกับครอบครัวฝ่ายหญิง ทางนั้นบอกว่าเรียกไม่แพง แม่เลยตัดสินใจไปคุย แต่เมื่อไปคุยครอบครัวฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเป็นเงินสด 800,000 บาท ทองคำ 10 บาท แม่จึงต่อรองทางนั้นจึงลดให้เหลือ 600,000 บาท กับทองคำ 5 บาท ยืนยันว่าขอเลื่อน ไม่ได้ยกเลิกงาน จนมารู้ทีหลังแม่ฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่า แม่จึงไปคุยกับเกม เกมก็บอกว่าขอจบทุกอย่าง ไม่ไปต่อ ด้วยท่าทางที่ไม่มีความสุข และหายตัวไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

วันเกิดอนุทิน

แกนนำรัฐบาลร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี “อนุทิน” ชื่นมื่น

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.- แกนนำรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี “อนุทิน” ชื่นมื่น สส.อวยพร หลังเลือกตั้งขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปี พรรคภูมิใจไทยจัดงานวันเกิดครบรอบ 59 ปี ให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยมีพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ บุตรชายนายสันติ, พิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงบุคคลในครอบครัว เช่น ธนนนท์ นิรามิษ ภริยา, เศรณี และนัยน์ภัค ชาญวีรกูล บุตรชายและบุตรสาวของนายอนุทิน, ไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์และเป่าเค้ก […]

Nepal President and Interim Prime Minister

เนปาลยุบสภา หลังได้นายกฯ เฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรก

กาฐมาณฑุ 13 ก.ย.- ทำเนียบประธานาธิบดีเนปาลออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2569 หลังจากที่ได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ ประธานาธิบดีรามจันทระ เปาเฑลของเนปาลสั่งยุบสภาและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเพิ่งแต่งตั้งนางสุชีลา การ์กี วัย 73 ปี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ หลังจากที่ได้เจรจาหารือกันอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 2 วัน กับผู้บัญชาการทหารบกและแกนนำผู้ประท้วงกลุ่มเจเนอเรชันซีหรือเจนซี (Gen Z) เพื่อเดินหน้าประเทศที่เกิดการลุกฮือครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 51 คน ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,300 คน มีการเผาอาคารรัฐสภา ที่ทำการรัฐบาล และบ้านพักนักการเมือง ทำให้นายกรัฐมนตรีเค.พี. ชาร์มา โอลี ต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียที่มีพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับเนปาล โพสต์เอ็กซ์ (X) แสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อนางการ์กีที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเฉพาะกาลเนปาล และว่าอินเดียมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมต่อสันติภาพ ความก้าวหน้า และความรุ่งเรืองของพี่น้องชาวเนปาล การประท้วงในเนปาลปะทุขึ้นในกรุงกาฐมาณฑุแล้วลุกลามไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 8 กันยายน ชนวนเหตุเกิดจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งไปโหมกระพือกระแสความไม่พอใจเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศที่ตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยในปี 2551 […]

“อนุทิน” เข้าพรรคฯ นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.-“อนุทิน” เข้าพรรคภูมิใจไทย วันเกิด นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย ก่อนแถลงต่อสภาฯ ขณะที่ภาคเอกชน-นักการเมือง-ข้าราชการ ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิด ครบ 59 ปี บรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย เวลา 14.15 น. นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ส่งแจกันดอกไม้สีฟ้า-ขาว มาร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิด ครบ 59 ปี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ขณะที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายยังมีบรรดานักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิดและแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในสมัยรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พลเอกเทพพงษ์ ทิพยจันทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม นายกร ทัพพะรังสี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย นอกจากนี้ยังมีแจกันดอกไม้ที่ส่งมาอวยพรนายอนุทิน ทั้งส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฯ […]

ธปท.เรียกถกผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย หารือ 15 ก.ย.นี้

กทม. 13 ก.ย.-ธปท. เรียกถกผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย หารือจันทร์นี้ หลัง กกร.ตั้งข้อสังเกตส่งออกทองคำไปกัมพูชาพุ่งสูงผิดปกติ กรณีนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชนสามสถาบัน (กกร.) ได้ทำการตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าแรงผิดปกติ สวนทางเศรษฐกิจปัจจุบัน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบความผิดปกติของการส่งออกทองคำไปกัมพูชา มีตัวเลขสูงผิดปกติ ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่านั้น ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เรียกด่วนผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย เพื่อหารือถึงประเด็นดังกล่าวในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ด้านวงในให้จับตา “ทองคำ” ช่องโหว่เศรษฐกิจ เหตุเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล จนกระทรวงการคลัง-แบงก์ชาติ ต้องถกหาวิธีดูแลธุรกรรมทองคำเพื่อปิดช่องฟอกเงิน เผย 7 เดือนไทยส่งออกทองไปกัมพูชาแล้วกว่า 71,800 ล้านบาท ทั้งนี้ การส่งออกทองคำของไทยที่อยู่ในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ ระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2568 ตามตัวเลขของสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) พบว่าไทยมีการส่งออกไปยังกัมพูชาอยู่ในอันดับ 3 รองจากการส่งออกไปยังสวิตเซอร์แลนด์ และอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งค้าทองคำที่สำคัญของโลก โดยตัวเลขการส่งออกไปยังกัมพูชา 7 เดือนแรกของปี 2568 […]