จันทบุรี 16 พ.ย. – ชาวบ้านผวา ช้างป่ารวมฝูง 22 ตัว โผล่หากินใกล้พื้นที่เกษตรกรรมและสวนยางพารา หมู่ 7 บ้านชำตาเรือง รอยต่อพื้นที่หมู่ 9 บ้านคลองตาอิน ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เจ้าหน้าที่เตือนระวังสูงสุด พร้อมเร่งหาทางผลักดัน
อาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่า เขาสอยดาว ชุดนาฬาคีริง ว่าพบช้างป่ามากถึง 22 ตัว และยังมีพลายโหนก ช้างป่าเพชฌฆาตที่เคยทำร้ายชาวบ้านและผู้สื่อข่าวเสียชีวิตรวม 3 ศพ รวมอยู่ในฝูง โดยฝูงช้างได้ลงจากเขาอีกา เข้ามาหากินในพื้นที่เกษตรกรรม สวนยางพารา หมู่ 7 บ้านชำตาเรือง รอยต่อพื้นที่หมู่ 9 บ้านคลองตาอิน ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ชาวบ้านระมัดระวังอย่างสูงสุด เนื่องจากช้างป่าอยู่ในช่วงจับคู่ผสมพันธุ์ ซึ่งจะทำให้ช้างเสี่ยงตกมันสูง
สอบถาม น.ส.ชุติมา เหลืองอ่อน อายุ 31 ปี อาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่าเขาสอยดาว ชุดนาฬาคีริง บอกว่า จากการที่ชุดอาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่าลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ พบช้างป่าฝูงแรกกำลังหากินอยู่ในพื้นที่สวนยางพาราของชาวบ้าน พื้นที่บ้านชำตาเรือง หมู่ 7 รอยต่อหมู่ 9 บ้านคลองตาอิน ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4009 จำนวน 15 ตัว โดยมีลูกช้างตัวเล็กรวมอยู่ด้วย 3 ตัว ส่วนช้างป่าอีกฝูงมี 7 ตัว ซึ่งมีพลายโหนก ช้างป่าเพชฌฆาตที่เคยทำร้ายชาวบ้านและผู้สื่อข่าวเสียชีวิต รวมอยู่ในฝูงด้วย กำลังหากินอยู่ในสวนยางพาราจิตตะภาวัน รอยต่อบ้านสุขใจ ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี คาดว่าช้างป่าฝูงนี้น่าจะเดินตามกลับเข้าฝูงใหญ่ บริเวณเขื่อนสันทราย เพื่อจับคู่ผสมพันธุ์
หากช้างป่าทั้ง 2 ฝูงรวมกลุ่มเป็นฝูงใหญ่จะทำให้มีช้างป่ารวมในฝูงนี้ถึง 22 ตัว และเป็นช้างพลายโตเต็มวัยถึง 10 ตัว หากประชาชนที่ใช้รถสัญจรผ่านใกล้พื้นที่ดังกล่าว ให้ใช้เป็นรถยนต์ งดใช้รถเครื่อง เนื่องจากอาจได้รับอันตรายจากการถูกช้างป่าทำร้ายได้
ด้านอาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่า เขาสอยดาว ชุดนาฬาคีริง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนชุด ชรบ. คอยติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมช้างป่า เพื่อเตรียมวางแผนป้องกันและผลักดันให้หากินออกห่างพื้นที่ชุมชน พร้อมกันนี้ได้เร่งประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และตลอดเส้นทางที่คาดว่าฝูงช้างจะเดินผ่าน ให้ระวังสูงสุด เนื่องจากช้างป่าอยู่ในช่วงจับคู่ผสมพันธุ์ ทำให้ช้างเสี่ยงตกมันสูง อาจถูกช้างป่าทำร้ายได้
ทั้งนี้ หากพบเห็นช้างป่าให้หลีกเลี่ยง และรีบแจ้งผู้นำชุมชน หรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหาทางป้องกันและผลักดันต่อไป.-สำนักข่าวไทย