บุรีรัมย์ 2 พ.ย.-อดีตข้าราชการสาวสุดแสบ ใช้โฉนดปลอมหลอกยืมเงินผู้สูงอายุ-เพื่อนร่วมงาน สูญเกือบ 30 ล้าน
ชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบ 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ทยอยนำเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงิน โฉนดที่ดินปลอม และคู่มือรถยนต์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้น เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับนางอี๋ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ข้าราชการสาว ระดับปฏิบัติการประจำ อบต.แห่งหนึ่ง ใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้ชิงลาออกจากราชการแล้วเมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยชาวบ้านที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้กล่าวหาว่า นางอี๋ ได้มาหลอกล่อขอยืมเงินกับชาวบ้าน ญาติพี่น้อง ผู้สูงอายุ รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่ อบต. ไม่เว้นแม้กระทั่งนายก อบต. โดยอ้างว่าตัวเองเดือดร้อนจำเป็นต้องใช้เงินมาอ้อนวอนขอยืมเงิน โดยใช้โฉนดที่ดิน และคู่มือรถที่ปลอมแปลงขึ้น มาหลอกวางค้ำประกันเพื่อให้ชาวบ้านตายใจว่าจะไม่โกง บางคนก็ให้ทำสัญญากู้ยืมไว้ หากคนไหนบอกว่าไม่มีเงิน นางอี๋ จะพูดหว่านล้อมว่าตัวเองมีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นถึงข้าราชการ และสามีก็เป็นรองนายก อบต. เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจว่าจะไม่โกง จนเหยื่อต้องไปหยิบยืมมาให้ เพราะสงสารคิดว่านางอี๋ เดือดร้อนจริงๆ กระทั่งเมื่อช่วงกลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เรื่องเริ่มแดงเมื่อเหยื่อรู้ว่านางอี๋ ไปหยิบยืมเงินหลายคนแล้วไม่ยอมจ่ายคืน จึงพยายามโทรหานางอี๋ แต่ก็ติดต่อไม่ได้ไปหาที่บ้านก็ไม่อยู่ พอไปถามที่ อบต. เจ้าหน้าที่ก็บอกว่านางอี๋ ได้ลาออกไปแล้ว ชาวบ้าน ผู้สูงอายุหลายคนก็ตกใจและเชื่อว่าถูกนางอี๋ หลอกแน่นอน พอนำโฉนดที่ดินที่นางอี๋เอามาวางค้ำประกันไว้ ก็พบว่าเป็นโฉนดปลอม จึงได้พากันนำเอกสารหลักฐานทยอยเข้าแจ้งความที่ สภ.เมือง ให้ช่วยติดตามตัวนางอี๋ มาดำเนินคดี เพราะแต่ละคนถูกหลอกยืมเงินไปรายละตั้งแต่ 100,000 – 3,000,000 บาท คาดว่าทั้งชาวบ้าน ผู้สูงอายุ และเพื่อนร่วมงานที่ อบต. ถูกนางอี๋ หลอกยืมเงินรวมเกือบ 30 ล้านบาท
นายพีระพงษ์ เสนานอก อายุ 50 ปี เล่าว่า นางอี๋ เป็นคนหน้าตาดี ปากหวาน พูดเพราะ ตอนที่มาขอยืมเงิน ก็ร้องไห้อ้อนวอนบอกว่าตัวเองเดือดร้อนต้องใช้เงิน ตนเห็นว่าเป็นข้าราชการจึงเชื่อใจให้ยืมไปรวมกว่า 5 แสนบาท แต่ทำสัญญากู้ยืมไว้เป็นหลักฐาน กระทั่งมาทราบข่าวว่ามีชาวบ้าน ผู้สูงอายุหลายคนที่ถูกนางอี๋ หลอกยืมเงินแล้วเจ้าตัวก็หายไป จึงนำหลักฐานมาแจ้งความและปรึกษาทนายความ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางอี๋ เช่นกัน
นางปุ่น สาโรจน์ อายุ 58 ปี เล่าว่า นางอี๋ มาขอร้องให้ให้ตนกู้ยืมเงินให้ ตนยอมเพราะสงสาร คิดว่าเดือดร้อนจริงๆ อีกทั้งเห็นว่าเป็นภรรยาของหลานก็เลยเชื่อใจ แต่ตนไม่มีเงินสดจึงเอาโฉนดของตัวเองไปค้ำเพื่อกู้ยืมเงินนายทุนให้ครั้งแรก 1 ล้านบาท ต่อมานางอี๋ บอกว่าเงินไม่พอ จะเอาไปปิดบัญชีสหกรณ์ จึงกู้ให้อีก 1 ล้านบาท กระทั่งครั้งที่ 3 นางอี๋ เล่าว่าจะเอาเงินไปลงทุน ให้ช่วยกู้ให้อีก 1 ล้าน ตนเริ่มแปลกใจทำไมถึงใช้เงินมากขนาดนี้ แต่เห็นว่าเป็นหลานสะใภ้ จึงยอมไปกู้ให้อีกรวม 3 ล้านบาท ยอมเอาโฉนดที่ดินทำเลดี 5 ไร่ กับที่บ้านอีก 2 งานกว่า ไปวางค้ำประกันไว้กับนายทุน ที่ดินแปลงนี้กะเอาไว้สร้างบ้านให้ลูกชายอยู่ ซึ่งช่วงแรกนางอี๋ ก็จ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยให้นายทุนไม่มีปัญหาอะไร แต่พอหลังๆ ไม่จ่ายกระทั่งลาออกจากงานแล้วหนีไป ไม่คิดว่าหลานสะใภ้ที่เป็นถึงข้าราชการจะทำกันได้ลงคอ
ขณะที่นายประยูร พะนุมรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.16 บอกว่า ตัวเองก็เกือบจะถูกหลอกเหมือนกันเพราะนางอี๋ ก็เคยมาเอ่ยปากขอยืมเงินกับตนเอง 1.5 ล้านบาท โดยบอกว่าจะเอาโฉนดที่ดินมาวางค้ำประกันไว้ให้ แต่ตนปฏิเสธเพราะไม่มีเงินให้ยืมจึงโชคดีที่ไม่ตกเป็นเหยื่อไปด้วย แต่ก็สงสารชาวบ้านที่เขากว่าจะหาเงินมาได้ต้องทำงานหนักเก็บหอมรอมริบมาหลายสิบปี แต่กลับมาถูกข้าราชการที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือหลอกยืมแล้วไม่จ่ายคืน บางคนก็ถูกหลอกเอาโฉนดปลอม และคู่มือรถที่ปลอมแปลงขึ้นมาวางค้ำประกันไว้ทำให้ตายใจ ก็อยากฝากให้นางอี๋ หาเงินมาคืนชาวบ้านด้วยเพราะตอนนี้ทุกคนเดือดร้อนอยากได้เงินคืน.-สำนักข่าวไทย