fbpx

คนร้ายดักยิงตำรวจเจ็บ 2 ก่อนเผารถยนต์ทิ้ง

นราธิวาส 2 พ.ย.-คนร้ายดักซุ่มยิงรถยนต์ตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส แล้วจุดไฟเผา ตรวจสอบพบคนร้ายลอบวางระเบิด แต่ระเบิดไม่ทำงาน จึงใช้ปืนยิงถล่มใส่แล้วเผารถแทน


พ.ต.อ.ฉลอง รัตนภักดี ผกก.ซถ.1 บก.สส.จชต รักษาราชทานแทน ผกก.สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายดักซุ่มยิงรถยนต์ตำรวจ สภ.ศรีสาคร แล้วจุดไฟเผา บนถนนสายตามุง – พงยือติ ช่วงบริเวณสวนยางพาราบ้านตามุง ม.2 ต.เชิงคีรี ทำให้ตำรวจบาดเจ็บ 2 นาย จึงนำกำลังตำรวจ พร้อมชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ จ.นราธิวาส นายอำเภอศรีสาคร และกำลังตำรวจทหารฝ่ายปกครองไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ชุดอีโอดี. ได้ใช้เครื่องตรวจจับวัตถุโลหะสแกนเคลียร์พื้นที่ พบระเบิดแสวงเครื่อง คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 กก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ที่ลากสายไฟฟ้ายาวเข้าไปในป่ารกทึบ วางซุกไว้ใต้โคนต้นลูกเนียงริมทางโค้งซึ่งเป็นจุดดักซุ่มยิง ซึ่งห่างจากจุดที่เผารถยนต์ของตำรวจ สภ.ศรีสาคร 200 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลาย ก่อนจะเข้าตรวจสอบรถกระบะซึ่งถูกคนร้ายวางเพลิงเสียหายทั้งคัน และที่ตัวถังด้านซ้ายมีร่องรอยเป็นรูพรุนคล้ายกับถูกกระสุนปืน และมีกลิ่นคราบน้ำมันเชื้อเพลิงเหม็นฟุ้งทั่ว เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 นาย มีพลเมืองดี นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลศรีสาครไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อ คือ 1. ร.ต.อ.สิงหา วสันหิรัญกิจ อายุ 34 ปี พนักงานสอบสวน สภ.ศรีสาคร มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดที่บริเวณสีข้างซ้าย 2. ส.ต.ท.อัซรี หมัดหลี อายุ 30 ปี พลขับ มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนชนิดและขนาดเดียวกันที่ขาซ้ายและไหล่ซ้าย


สอบสวนทราบว่า ร.ต.อ.สิงหา พนักงานสอบสวน สภ.ศรีสาคร นำผู้ต้องหาฝากขังที่ศาล จ.นราธิวาส แล้วเสร็จ จึงนั่งรถยนต์ กลับ สภ.ศรีสาคร มี ส.ต.ท.อัซรี เป็นพลขับ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่าสวนยางพาราที่รกทึบ ใช้แบตเตอรี่ที่ลากสายไฟฟ้าเข้าไปในป่ารกทึบจุดชนวนระเบิดที่ตั้งซุกไว้ใต้โคนต้นลูกเนียงริมทางโค้ง แต่ระเบิดไม่ทำงาน คนร้ายเลยใช้ปืนยิงถล่มใส่รถกระบะของตำรวจทั้ง 2 นาย นั่งผ่านมาทำให้กระสุนปืนถูก ร.ต.อ.สิงหา และ ส.ต.ท.อัซรี พลขับ บาดเจ็บ แต่ ส.ต.ท.อัซรี พลขับฝืนขับรถยนต์ออกจากจุดเกิดเหตุไปได้ 200 เมตร พบชาวบ้านจึงขอความช่วยเหลือ ต่อมาคนร้ายซึ่งมี 2-3 คน เดินออกมาจากป่าที่รกทึบและช่วยกันเผารถกระบะของตำรวจ สภ.ศรีสาคร จนเสียหายก่อนที่จะพากันหลบหนี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือมาเลเซียชนกันกลางอากาศ-ดับแล้ว 10

กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาเลเซีย 2 ลำ ชนกันกลางอากาศในระหว่างการฝึกซ้อมสำหรับการแสดงในขบวนพาเหรดของกองทัพเรือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย

ยัน รบ.ไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ไม่ทำให้ขาดสภาพคล่อง

“จุลพันธ์” ยันรัฐบาลไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นกลไกงบประมาณ มั่นใจไม่ทำ ธ.ก.ส.ขาดสภาพคล่อง บอก อย่าลืมรัฐถือหุ้น100% พัฒนา “ซูเปอร์แอปฯ” ใช้งบประมาณไม่ถึงพันล้าน

พีกไฟฟ้าเกินคาด จากร้อนจัด ทะลุ 35,550.9 เมกะวัตต์

กรุงเทพฯ 23 เม.ย.-อากาศที่ร้อนจัดเมื่อคืนนี้ คนไทยดับร้อนด้วยการเปิดแอร์กันมากขึ้นทำให้ การใช้ไฟฟ้าของไทยขึ้นสู่ระดับสูงสุดหรือพีกครั้งใหม่ เมื่อช่วงใกล้ 3 ทุ่ม  35,550.9 เมกะวัตต์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไทย แจ้งว่า จากอากาศร้อนจัดในปีนี้ ทำให้การใช้ไฟฟ้าพุ่งขึ้นทำลายสถิติสูงสุด (พีก) อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เกิดพีกของประเทศครั้งใหม่ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 เวลา 20.57 น. ที่ 35,550.9 เมกะวัตต์ สูงกว่าปีที่แล้ว 1,420.4 เมกะวัตต์ หรือ ร้อยละ 4.2 เนื่องจาก สภาอากสที่ร้อนถึงร้อนจัด ในช่วงกลางวัน จึงเกิดความร้อนสะสม ส่งผลให้เกิดพีกดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ แม้ค่าไฟต่อหน่วยจะไม่ขยับขึ้น แต่บ้านเราเป็นอัตราค่าไฟแบบขั้นบันได คือ ยิ่งใช้มาก ค่าไฟต่อหน่วยอันดับท้ายๆ ก็จะสูงขึ้น จะมีผลทำให้ประชาชนจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นด้วย ในเดือนที่ร้อนจัด โดยในปีนี้เกิดพีกไฟฟ้าขึ้นแล้ว 5 ครั้ง โดยกระทรวงพลังงานมีการจัดการให้มีไฟฟ้าและเชื้อเพลิงอย่างเพียงพอไม่ขาดแคลน แต่เนื่องจากไทยมีการเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) […]

ประเทศไทยอากาศร้อนจัด-กทม.ฝนฟ้าคะนอง 10%

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%