เปิดประเทศวันแรก นทท. ทยอยเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง

1 พ.ย.-วันนี้ที่รอคอย “เปิดประเทศวันแรก” หลังหลายฝ่ายได้เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจำนวน 63 ประเทศ ตามที่รัฐบาลประกาศเดินทางเข้าไทย โดยไม่ต้องกักตัว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง


นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ เดินทางมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตรวจเยี่ยมบริเวณจุดคัดกรองด้วยระบบ Thailand Pass บริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน Concourse E และบริเวณจุดนัดพบระหว่างผู้โดยสารและโรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือก Alternative Quarantine (AQ) ณ ช่องทางออก C โถงผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 อาคารผู้โดยสาร เพื่อดูแลความเรียบร้อยในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยววันแรก

นพ.เกียรติภูมิ บอกว่าวันนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จำนวน 40 เที่ยวบินประมาณ 2,400 คน ทั้งหมดมีเอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศ จาก COE และในแพลตฟอร์มใหม่ Thailand Pass ซึ่งเป็นเอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความสะดวกมากกว่า ใช้เวลาพิจารณาเอกสารเพียง 1-3 วันเท่านั้น หลังผู้โดยสารลงจากเครื่อง จะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองและตรวจเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน และการตรวจRT-PCR ที่ด่านตรวจโรค จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และออกมายังบริเวณจุดนัดพบระหว่างผู้โดยสารและโรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือก AQ ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในโรงแรมที่พักอีกครั้ง หากผลเป็นลบก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ แต่หากผลเป็นลบ ก็ต้องเข้าสู่ระบบรักษาของสาธารณสุข จากการลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างให้ความร่วมมือและพึงพอใจในมาตรการของไทย


นอกจากนี้ ยังไปตรวจความเรียบร้อยของสถานประกอบการและร้านค้าต่างๆ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และพนักงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID-Free Setting และผ่านการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มหมดแล้ว เชื่อมั่นว่ามาตรการที่ทำจะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและประชาชนในประเทศได้เป็นอย่างดี

ส่วนในพื้นที่ท่องเที่ยวใจกลางเมืองกรุงเทพฯ พระบรมมหาราชวัง-วัดพระแก้ว เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม วันแรก พร้อมมาตรการตรวจคัดกรอง เพื่อการท่องเที่ยวปลอดภัย รับเปิดประเทศ 1พ.ย.นี้

พระบรมมหาราชวัง-วัดพระแก้ว เปิดให้เข้าชม วันแรก


บรรยากาศเปิดให้เข้าชม พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันแรก ตั้งแต่ปิดให้บริการมาตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19แพร่ระบาด พบว่า มีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยต้องผ่านการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าชมพระบรมมหาราชวัง นักท่องเที่ยวสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ภายใต้มาตรการ Covid Free setting อย่างเคร่งครัด ซึ่งพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นสถานประกอบการที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 และในปีนี้ได้ยกระดับการให้บริการด้านสุขอนามัยอย่างต่อเนื่องและเจ้าหน้าที่ให้บริการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด และเมื่อวันที่ 28 ต.ค ที่ผ่านมา ททท. ได้มอบมาตรฐาน SHA Plus สะท้อนความพร้อมในการให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยและมั่นใจในการเข้าชมสถานที่

เปิดเมืองวันแรก นักท่องเที่ยวแห่ลงเกาะพีพีคึกคัก

ไปดูบรรยาการศในต่างจังหวัดของการเปิดเมืองวันแรก ที่จังหวัดกระบี่ ที่ท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด อบจ.กระบี่ มีนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทย ทยอยเดินทางมาลงเรือโดยสาร เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะพีพี โดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจ คัดกรองผู้โดยสารทุกคนอย่างเข้มงวด โดยมีหลักเกณฑ์ก่อนลงเรือ ต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม หรือมีการ ตรวจ swop ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ถึงจะให้เดินทางไปยังเกาะพีพีได้ ส่วนที่บริเวณชายหาดอ่าวนาง และหาดนพรัตน์ธารา นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มากนัก แต่มีคนไทยบางส่วนเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อน เดินเล่น และพักผ่อนที่ชายหาด ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเป็นครอบครัว หรือมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ส่วนใหญ่ก็เดินทางลงเรือไปท่องเที่ยว ตามเกาะแก่งต่างๆ

ททท.ร่วมกับท่าอากาศยานภูเก็ต ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์

ส่วนที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงจากเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำผู้โดยสารจำนวน 229 คน มายังจังหวัดภูเก็ต หลังประเทศไทยเปิดให้นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ภายใต้หลักเกณฑ์ “Test and GO” โดยได้ทำอุโมงค์น้ำต้อนรับเครื่องบิน และเมื่อเข้ามาถึงตัวอาคารบริเวณประตูทางออกขึ้นเครื่องหมายเลข 11 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ได้จัดดนตรีไทยต้อนรับ พร้อมแจกของที่ระลึกจากท่าอากาศยานภูเก็ตและการท่องเที่ยวแห่ปงระเทศไทยด้วย สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นอย่างมาก ซึ่งในวันนี้มีเที่ยวบินเข้ามาจำนวน 11 เที่ยวบิน และจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป

ต้อนรับเที่ยวบินแรกจากสุวรรณภูมิ ถึงเกาะสมุย

บรรยากาศภายในสนามบินนานาชาติสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เที่ยวบินที่พีจี 5125 สายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 51 คนบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินนานาชาติเกาะสมุย ซึ่งเป็นเที่ยวบินแรกที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติมายังเกาะสมุย

นอกจากนี้สายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้เพิ่มเที่ยวบินมายังเกาะสมุยถึง 12 เที่ยวบิน มีนักท่องเที่ยวเข้าเกาะสมุยทั้งหมด 450 คน สำหรับการคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าเกาะสมุยทุกคนต้องผ่านการตรวจด้วยสวอปเทส และรอผลการตรวจประมาณ 6 ชั่วโมง หากไม่พบเชื้อนักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติ โดยพบปัญหาเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ประจำท่าอากาศยานนานาชาตสมุย มีเพียงสองคนไม่เพียงพอทำให้นักท่องเที่ยวใช้เวลานานในการคัดกรอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]