แม่เด็ก 8 ขวบ เผยสามีเป็นคนพูดจาดี ไม่รู้ทำไมถึงทำ ขอให้ไปชดใช้กรรม

21 ต.ค. – แม่เด็กชาย 8 ขวบ เผยสามีเป็นคนพูดจาดี ไม่เคยทำร้ายตนเอง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำกับลูกถึงขนาดนั้น ขอให้ไปชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น ฟากพี่สาวเด็กแฉตั้งแต่น้องมาอยู่กับแม่ก็ถูกกระทำตลอด เคยร้องขอแล้วแต่พ่อเลี้ยงไม่ฟัง


ตำรวจ สภ.หนองแค สระบุรี คุมตัวพ่อเลี้ยงทำร้ายลูกเลี้ยง 8 ขวบจนเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ระหว่างนั้นมีชาวบ้านที่โกรธแค้นดักรอรุมประชาทัณฑ์ ด่าทอสาปแช่ง จนเกิดเหตุวุ่นวาย

สำหรับนายวิรัช เป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าโหดลูกเลี้ยงวัย 8 ขวบ เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายในทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว ซอยเทศบาล 5 ต.หนองแค อ.หนองแค โดยพฤติกรรมขณะก่อเหตุโหดเหี้ยม เพราะผู้ต้องหาซึ่งขณะนั้นเมาสุรา จับเด็กมัดเฆี่ยนตี ปล่อยทิ้งไว้ทั้งคืน เมื่อเห็นเด็กยืนหลับ ให้ปัสสาวะใส่ขวดและบังคับดื่ม ก่อนใช้เท้าเตะจนแน่นิ่งไป ผู้ต้องหาตกใจ รีบนำเด็กส่งโรงพยาบาล กระทั่งสุดท้ายลูกเลี้ยงเสียชีวิต


หลังก่อเหตุ นายวิรัชได้ขี่รถจักรยานยนต์หนีไปที่ประจวบคีรีขันธ์ หวังไปกบดานกับเพื่อนสนิท แต่ถูกสกัดจับได้บนถนนเพชรเกษม สภ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเย็นวานนี้ (20 ต.ค.) ก่อนถูกอายัดตัวและพากลับมาดำเนินคดีที่ สภ.หนองแค

การทำแผนประกอบคำรับสารภาพเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. โดยตำรวจกว่า 20 นาย ได้คุมตัวนายวิรัช ออกจาก สภ.หนองแค โดยให้ใส่เสื้อเกราะและหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาไม่ยอมตอบคำถามสื่อมวลชน แต่ขณะนั้นมีชาวบ้านมายืนมุงดูกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบยายของเด็ก 8 ขวบ มารอดูการทำแผน ตะโกนด่าทอด้วยความโกรธแค้น และร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา

เวลาผ่านไปนานกว่า 30 นาที ตำรวจจึงเตรียมนำตัวผู้ต้องหากลับไปยัง สภ.หนองแค แต่เกิดเหตุชุลมุน มีชาวบ้านเข้าไปรุมประชาทัณฑ์เป็นจำนวนมาก ทั้งขว้างปาสิ่งของ และกรูเข้าไปทุบตีชกต่อย ทำให้ตำรวจที่เข้าคุ้มกันถูกลูกหลงไปด้วย หลังจากนั้นตำรวจได้ปรับแผน ให้รถตู้มารับถึงหน้าบ้าน และพาตัวออกไป


แม่เด็กขอให้สามีไปชดใช้กรรมตามที่ได้กระทำ
ด้านแม่ของเด็ก 8 ขวบ ซึ่งระหว่างทำแผนก็ถูกตะโกนด่าทอว่าไม่ยอมดูแลลูก ได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกเสียใจมาก เพราะไม่มีใครรับรู้ได้ถึงอุปนิสัยของนายวิรัช ที่ผ่านมานายวิรัชไม่เคยด่าว่า เป็นคนพูดจาดี ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดต้องทำกับลูกถึงขนาดนั้น ขอให้เขาได้ชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น ส่วนตนเองกับลูกสาววัย 16 ปี ก็ต้องย้ายออกจากบ้าน ถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่ให้นายวิรัชมาทำกับลูกเช่นนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันเกิดเหตุทำไมไม่ปกป้องลูก แม่เด็กไม่ตอบ บอกว่าตอนนี้มีแต่คนด่าตนเองเสียหาย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยถูกนายวิรัชทำร้าย

ด้านพี่สาวของเด็กที่เสียชีวิต อายุ 16 ปี พาผู้สื่อข่าวไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมกับชี้จุดที่น้องถูกมัดมือแขวนกับหน้าต่างบ้าง แขวนกับตะปูในห้องน้ำบ้าง และแขวนกับตะปูที่กำแพงห้องนอน ยอมรับว่าเห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ตั้งแต่น้องมาอยู่กับแม่ก็ถูกกระทำตลอด เคยร้องขอแล้วแต่พ่อเลี้ยงไม่ฟัง แต่ตนเองไม่กล้าบอกแม่หรือยาย เพราะกลัวพ่อเลี้ยง พร้อมกับบอกว่า พ่อเลี้ยงเคยกอดและหอมแก้ม 2 ครั้ง แต่ไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศ

ด้านพนักงานสอบสวน สภ.หนองแค ได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายวิรัช 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย 2.ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น 3.หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังนั้นถึงแก่ความตาย 4.กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

สำหรับผู้ต้องหา มีอาชีพเป็นช่างสีในอู่ต่อตัวถังรถยนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่ โดยมีข้อมูลจากผู้ใกล้ชิดว่ามีนิสัยเรียบร้อยขณะทำงาน แต่พอกลับบ้านจะกลายเป็นคนละคน เพราะมักจะใช้ความรุนแรงในบ้าน สอดคล้องกับข้อมูลของน้าของเด็กที่เสียชีวิตที่บอกว่า ทำงานอยู่ที่เดียวกันกับผู้ก่อเหตุ เคยเห็นพฤติกรรมทุบตีหลานบ่อยครั้ง อีกทั้งยังเคยเข้าไปต่อว่ามาแล้ว ส่วนอุปนิสัยของหลานนั้น พบว่าเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ และเรียนเก่ง ก่อนหน้านี้คนในที่ทำงานเคยมาบอกว่า นายวิรัชเคยมาขอพลาสติกรัดสายไฟ รวมถึงสายไฟ จึงคิดว่าน่าจะนำไปก่อเหตุ

งานสวดพระอภิธรรมเด็ก 8 ขวบสุดเงียบเหงา
ส่วนความเคลื่อนไหวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ญาติได้นำศพเด็กวัย 8 ขวบ ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองพระบาง ถนนเทศบาล 5 ต.หนองแค บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา เพราะมีเพียงญาติไม่กี่คน และแม่ครัวที่คอยทำอาหารไว้เลี้ยงญาติพี่น้องมาร่วมฟังสวดพระอภิธรรม และในวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม เวลา 16.00 น. จะทำการฌาปนกิจ

ผู้สื่อข่าวได้พบกับป้าของเด็กที่เสียชีวิต และเล่าว่า รับไม่ได้กับการกระทำที่ทำกับเด็ก อยากให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด ถ้าเป็นไปได้ให้ประหารชีวิต ส่วนแม่ของเด็ก เมื่อวานยังเดินทางมาฟังสวด แต่วันนี้ (21 ต.ค.) ยังเก็บตัวเงียบกับลูกสาว หลังมีการทำแผนฯ เมื่อช่วงเช้า

หลังจากนั้นทั้งป้าและญาติได้เดินทางมาจุดธูปไหว้ศาลตายายหน้าหมู่บ้าน เพื่อขอเปิดทางให้วิญญาณหลานได้ออกจากหมู่บ้าน เพื่อไปกินข้าวและฟังสวดพระอภิธรรม ตามความเชื่อของชุมชน ซึ่งในขณะที่อธิษฐานนั้นปรากฏว่าญาติของเด็กที่เสียชีวิตเกิดอาการขนลุกทั้งตัว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้