นครพนม 20 ต.ค.- งานประเพณีออกพรรษา ไหลเรือไฟ และงานกาชาดประจำปี 2564 คืนที่ 2 คึกคัก โดยงานจะจัดขึ้นตั้งเเต่ 18-23 ตุลาคม 2564 นอกจากนี้ยังตื่นตากับความสวยงามของกระทงสาย หรือเรียกว่า ไข่พญานาค วันละเกือบ 10,000 ดวง
บรรยากาศการท่องเที่ยวงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ และงานกาชาดประจำปี 2564 คืนที่ 2 คึกคักไปด้วยประชาชน นักท่องเที่ยว ที่มาท่องเที่ยวพักผ่อน รอชมไหลเรือไฟโชว์ ถึงแม้ปีนี้จะงดประกวดไหลเรือไฟยิ่งใหญ่ เน้นท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มอล ลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด กำหนดจัดงานขึ้น 18-23 ตุลาคม 2564 มีจัดแค่ไหลเรือไฟโชว์ทุกคืน วันละ 3 ลำ ที่สำคัญ นอกจากประชาชน นักท่องเที่ยว จะได้ชมเรือไฟโชว์ ยังตื่นตากับความสวยงามของกระทงสาย หรือที่เรียกว่า ไข่พญานาค
โดยทุกวันทีม เจ้าหน้าที่ อส. จะนำกระทงสายที่ประดิษฐ์จากกะลามะพร้าว นำมาตัดครึ่ง เป็นลักษณะคล้ายกระทะ ตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน จากนั้นจะมีการนำขี้เลื่อยมาทำส่วนผสม กับน้ำมันดีเซล รวมกับขี้ใต้ยางไม้ มาผสมตามสัดส่วน บรรจุเป็นเชื่อเพลิงลงในกะลา ก่อนลำเลียงลงเรือหางยาว วันละเกือบ 10,000 ดวง ไปตั้งจุดวางทุ่น ปักหลักปล่อยกระทงสาย ตั้งแต่ต้นน้ำโขงจากจวนผู้ว่าราชการหลังเก่า ไหลยาวเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ไปตามน้ำโขงตามแนวถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม กลายเป็นแสงไฟระยิบระยับ เต็มแม่น้ำโขง ถือเป็นอันซีนของงานประเพณีไหลเรือไฟทุกปี ที่สร้างความสวยงามตื่นตาให้ประชาชน นักท่องเที่ยวทุกปี ถือเป็นอีกประเพณีสำคัญที่สร้างความประทับใจให้ กับประชาชนนักท่องเที่ยวได้ชม อีกทั้งยังเป็นประเพณีโบราณที่ถือปฎิบัติกันมาทุกปี เชื่อว่าเป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในน้ำโขง และปู่พญานาค ช่วงออกพรรษา ยอมรับว่าแต่ละวันทีม อส. ต้องยอมเหนื่อย และต้องมีความชำนาญ ในการปล่อยกะลามะพร้าว ที่จุดดวงไฟ ไหลตามแม่น้ำโขง และต้องมีความชำนาญ หากไม่ชำนาญจะทำให้กะละถูกน้ำพัดจมในขณะที่ปล่อยลงน้ำ ถือเป็นความภาคภูมิใจของกำลังเจ้าที่ อส.ที่ได้อยู่เบื้องหลังความสวยงาม และเป็นการสืบสานประเพณีจากความเชื่อ ความศรัทธา ยิ่งวันคืนออกพรรษา จะปล่อยมากถึง 20,000-30,000 ดวง ถึงจะเหนื่อยแต่ทุกคนภาคภูมิใจ.-สำนักข่าวไทย