เพชรบูรณ์ 16 ต.ค.- ออกหมายจับหนุ่มใหญ่หึงโหด คว้าปืนรัวยิงสาวเสิร์ฟ 3 นัด คาวงเหล้า แต่ผู้รับเหมาหนุ่มใหญ่วัย 45 ปี เห็นจึงรีบผลักสาวเสิร์ฟออกก่อนเอาตัวรับกระสุนแทน ทำให้กระสุนพุ่งเข้าหัวทั้ง 3 นัด เสียชีวิตคาที่
เมื่อเวลาประมาณ 18.10 น. วันที่ 14 ต.ค. เกิดเหตุนายกิตติภัฎ พรมด้วง อายุ 45 ปี ชาว ต.เกาะเต่า อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง อาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าห้องเช่าสีชมพู ไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ติดริมเส้นทางหลวงหมายเลข 21 ถนนสายสระบุรี-หล่มสัก หมู่ 2 ต.พุขาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้า จมกองเลือดอยู่ท้ายรถยนต์กระบะ สวมเสื้อสีแดง กางเกงขายาวสีดำ โดยถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด ที่บริเวณศีรษะ 3 นัด และพบหัวลูกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายอนุชา อายุ 51 ปี ชาว ต.พุขาม อ.วิเชียรบุรี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป เบื้องต้นทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความหึงหวง เนื่องจากนายอนุชา ผู้ก่อเหตุไปหลงรักนางสาวแก้ว อายุ 41 ปี พนักงานเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ โดยในช่วงเย็นของวันที่ 14 ตุลาคม ผู้ตายและเพื่อนรวมทั้งนางสาวแก้วกำลังนั่งดื่มสุรา เพื่อเลี้ยงส่งผู้ตายก่อนเดินทางกลับบ้านที่ จ.พัทลุง หลังจากมาทำงานรับเหมาเสร็จเรียบร้อย ที่บริเวณหน้าห้องพักระหว่างนั้นนายอนุชาผู้ก่อเหตุ ได้ขี่ซาเล้งมาหานางสาวแก้ว เห็นทั้งหมดนั่งดื่มเหล้าอยู่ด้วยกันจึงเกิดความหึงหวง ก่อนชักปืนที่เตรียมมาจ่อยิงไปที่นางสาวแก้ว 3 นัด แต่ผู้ตายเหลือบไปเห็น จึงผลักฝ่ายนางสาวแก้วออกจากวิถีกระสุนและเอาตัวเองไปรับกระสุนแทน ทำให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ หลังก่อเหตุนายอนุชาขี่ซาเล้งหลบหนีไป ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
พ.ต.อ.ธีรพงษ์ ผลนาค ผกก.สภ.พุเตย เผยว่าขณะนี้ได้สอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ คือนางสาวแก้ว และเพื่อนที่นั่งดื่มอยู่กับผู้ตายให้การยืนยันว่า นายอนุชา อายุ 51 ปี เป็นคนใช้อาวุธปืนยิง ผู้ตายจนเสียชีวิตจริง ตอนนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับแล้ว ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนผู้ก่อเหตุตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประสานไปยังญาติผู้ก่อเหตุว่าถ้าพบตัวหรือผู้ก่อเหตุติดต่อมาให้เกลี้ยกล่อมพามอบตัว
ขณะที่ทางด้านนางสาวแก้ว หญิงสาวผู้ที่ถูกจ่อยิง ยังไม่พร้อมให้ข้อมูลใดๆ เพราะยังอยู่ในอาการกลัวว่านายอนุชาจะกลับมาทำร้าย ส่วนรถซาเล้งคันก่อเหตุ ทราบว่านายอนุชาได้จี้ชิงมาจากชาวบ้านที่จอดเอาไว้หน้าห้องเช่า.-สำนักข่าวไทย