ภูมิภาค 9 ต.ค. – จ.จันทบุรี เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมในหลายพื้นที่ หลังเกิดฝนตกหนักกระจายทั่วทั้ง 10 อำเภอ ส่วนชาวปทุมฯ ผวาน้ำเอ่อท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ และที่ จ.ระนอง หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดดินสไลด์ลงมาทับเส้นทางถนนเพชรเกษมทั้งขาเข้า-ขาออก
ที่ จ.จันทบุรี เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมในหลายพื้นที่ หลังเกิดฝนตกหนักกระจายทั่วทั้ง 10 อำเภอ โดยเฉพาะ ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ พบน้ำหลากท่วมสูงประมาณ 1 เมตร บ้านเรือนอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำได้รับความเดือดร้อน โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง แต่เมื่อมาถึงสามแยกทางเข้าวัดเนินดินแดง เขตเทศบาลตำบลเขาบายศรี พบกระแสน้ำหลากไหลเชี่ยวท่วมเส้นทางสูง 50 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้
ขณะเดียวกันกระแสน้ำหลากยังไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและร้านค้าตลอดสองข้างทาง รวมถึงสวนผลไม้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจึงนำป้ายสัญลักษณ์ “น้ำท่วม/ห้ามผ่าน” ไปติดตั้งบนถนนที่น้ำยังท่วมไม่ถึง พร้อมกระจายกำลังให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช่วยขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง
ขณะชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ บอกว่าพายุฝนตกกระหน่ำมาตั้งแต่ช่วงกลางดึก จนรุ่งเช้าจึงพบกระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็ว
พนังกั้นน้ำบ้านสำโรงขาด มวลน้ำมหาศาลทะลัก
ที่มหาสารคาม เกิดเหตุพนังกั้นน้ำขาดในพื้นที่บ้านสำโรง ต.ย่างท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังมวลน้ำกัดเซาะตลิ่งขาดประมาณ 20 เมตร ทำให้น้ำไหลเข้าทุ่งนา และคาดว่าจะมีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ
จากการตรวจสอบพบว่ามวลน้ำลอดใต้ถนนทางหลวงชนบท 2391 ความกว้างกว่า 5 เมตร เจ้าหน้าที่จึงเร่งซ่อมแซม โดยนำเครื่องจักรหนัก พร้อมรถบรรทุกหินก้อนขนาดใหญ่ทำแนวกั้น เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้ไหลลงไปท่วมบ้านเรือนพื้นที่ 50 หมู่บ้านใน 5 ตำบล และพื้นที่นาข้าวอีกกว่า 20,000 ไร่
สำหรับมวลน้ำดังกล่าวจะไหลลงไปยัง อ.เชียงยืน กันทรวิชัย และ อ.เมือง ต่อไปในอีก 1-2 วันข้างหน้า จึงแจ้งประชาชนอยู่ใกล้ตลิ่งแม่น้ำชี ขนของขึ้นที่สูง และเฝ้าระวัง
มูลนิธิร่วมกตัญญูระดมกำลังนั่งเรือแจกสิ่งของยังชีพ
ด้านนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงและผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ชุมชนหนวงบัวเรียน หมู่ 8 ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย เพื่อนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้การช่วยเหลือประชาชน โดยพบว่าระดับน้ำถือว่าท่วมสูงและมาเร็วเท่ากับปี 2560 อีกทั้งพบว่าปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าอาจท่วมขังนานนับเดือน ทำให้ชาวบ้านกว่า 128 ครัวเรือน รวม 498 ชีวิต เดือดร้อนหนัก
“วิษณุ” ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านอุทัยธานี-นครสวรรค์
ที่อุทัยธานี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่อุทัยธานีและนครสวรรค์ เพื่อติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยช่วงเช้าได้ลงพื้นที่ศาลาประชาคม เทศบาลตำบลหาดทนง จากนั้นได้เดินทางไปยังชุมชนบริเวณริมน้ำสะแกกรัง ซึ่งประสบปัญหาน้ำล้นตลิ่ง โดยได้มอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือเป็นการเบื้องต้นจำนวน 12 ราย หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปยังนครสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน อ.พยุหะคีรี และ อ.โกรกพระ
“อนุทิน” นั่งเรือตรวจน้ำท่วมอ่างทอง-อยุธยา
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพที่ลานกิจกรรม ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง และรับฟังรายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำ โดยมีนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นผู้รายงาน ที่วัดพิจารณ์โสภณ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย
จากนั้้นได้เดินทางไปยังวัดกษัตราธิราชวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรับฟังรายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำ และลงเรือไปมอบถุงยังชีพให้ประชาชน
ชาวปทุมฯ ผวาน้ำเอ่อท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ
ที่ปทุมธานี พบว่าระดับน้ำสูงกว่าทุกวัน จนเอ่อล้นเข้าท่วมทางเดินตามตรอกซอยชุมชนต่างๆ หลายแห่ง ทั้งในเขต อ.เมือง และอ.สามโคก ทำให้ชาวบ้านต่างวิตกกันว่าน้ำทะเลที่หนุน ทำให้น้ำสูงมากขึ้นกว่าทุกวัน และเกรงจะเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ โดยเฉพาะน้ำที่เอ่อล้นมาจากท่อระบายน้ำ
เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาวางเป็นแนวกั้นท่อระบายน้ำ ในเขตเทศบาลเมือง และวางกระสอบทรายกั้นสูง 3 ชั้น ป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้น
วัดดัง 2 แห่งในสามโคกถูกน้ำท่วมสูง
ส่วนที่วัดบางนา ต.บางโพธิ์เหนือ อ.สามโคก พบน้ำเอ่อสูงเข้าไปภายในบริเวณรอบโบสถ์ ทำให้ชาวบ้านและลูกศิษย์วัดต้องนำกระสอบทรายมากั้น พร้อมเร่งสูบน้ำ เช่นเดียวกับที่วัดไก่เตี้ย ต.กระแชง พบน้ำท่วมรอบบริเวณวัด เจ้าหน้าที่จึงสร้างสะพานเป็นทางเดินเพื่อให้ประชาชนและพระใช้เข้า-ออก
ดินสไลด์ทับ ถ.เพชรเกษม หลังฝนตกหนัก
ที่ระนอง หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดดินสไลด์ลงมาทับเส้นทางถนนเพชรเกษมทั้งขาเข้า-ขาออก ในพื้นที่หมู่ 1 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นช่องทาง 4 จราจร กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง มีการตัดหน้าดินภูเขาเป็นระยะเพื่อเปิดเป็นแนวถนน และถือเป็นถนนสายหลักเชื่อมต่อระหว่างระนองกับชุมพร
เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางสัญจรเพื่อตักดิน และเคลียร์ต้นไม้ออกจากแนวถนน แต่การทำงานเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะฝนตกหนัก ทำให้มีดินภูเขาพร้อมต้นไม้ไหลลงมาทับเส้นทางอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว พร้อมระดมเครื่องจักรหนักเฝ้าดูสถานการณ์ และทำงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย
