1 ต.ค. – ภาพรวมสถานการณ์น้ำวันนี้ (1 ต.ค.) หลังเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนป่าสัก ยังเร่งระบายน้ำเพิ่มต่อเนื่อง โดยตอนนี้พื้นที่ 9 จังหวัดภาคกลางที่ได้รับคำเตือนให้ระวังน้ำท่วมไปจนถึงวันที่ 5 ต.ค. บางจุดเริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งบ้างแล้ว
ตั้งแต่ช่วงเช้า เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 2,779 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,801 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อต้องการผลักดันน้ำลงทะเลให้ได้มากที่สุด รองรับการคาดการณ์ที่ว่าจะมีพายุเข้า และน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงกลางเดือนนี้ ทำให้ตอนนี้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนสูงกว่าขีดแดงแล้ว 25 เซนติเมตร ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ วันนี้มีน้ำเข้าอ่างเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อวานอีก น้ำจึงเกินความจุอ่างไปถึง 107% จำเป็นต้องระบายน้ำออกมากถึง 104.276 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ส่วนปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวาน เริ่มที่สถานีค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ จุดที่อยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา วันนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,666 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ใกล้เคียงกับเมื่อวาน ที่มีน้ำไหลผ่าน 2,683 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไม่ต่างจากท้ายเขื่อนที่จังหวัดชัยนาท มีการไหลของน้ำลดลงมาจากเมื่อวานจาก 2,775 เป็น 2,784 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งตัวเลขการไหลผ่านของน้ำ แม้จะลดลงนิดหน่อย แต่ก็วางใจไม่ได้ เพราะแม่เจ้าพระยามีการระบายน้ำต่อเนื่องมาหลายวัน แม้แต่ละวันจะขยับขึ้นลงไม่มาก แต่คนที่อยู่ริมน้ำได้รับผลกระทบแน่นอน ส่วนสถานีบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันนี้มีน้ำไหลผ่านขยับขึ้นจาก 2,873 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,950 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทำไมที่สถานีนี้การไหลผ่านของน้ำมีเยอะ ปัจจัยอยู่ที่เขื่อนป่าสัก และพระรามหก เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่เขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มการระบายน้ำ แต่เขื่อนป่าสักหลังเพิ่มการระบายน้ำ ก็มีน้ำไหลผ่านขยับจาก 1,200 เป็น 1,207 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้น้ำที่ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ขยับขึ้นจาก 735 เป็น 740 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
น้ำไหลผ่านขนาดนี้ น้ำในลำน้ำป่าสักเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเขื่อนป่าสัก จุดที่เห็นเป็นบริเวณสถานีพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ 1,274 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำที่มีอยู่นี้อีก 17 ชั่วโมง น้ำจะไหลไปที่สถานีอำเภอเมืองสระบุรี แต่จุดนี้เป็นที่น่าสังเกต เพราะข้อมูลจากกรมชลประทานบอกว่า ไม่สามารถระบุปริมาณน้ำได้ เพราะต้องดูอิทธิพลจากฝายหรือเขื่อนควบคุม จากนั้นเมื่อพ้นสถานีวัดระดับน้ำจุดนี้ไปอีก 10 ชั่วโมง น้ำจะไหลถึงเขื่อนพระรามหก มาท้ายเขื่อนที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อถึงจุดนี้ปริมาณน้ำจะอยู่ที่ 856 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เส้นทางไหลของน้ำที่มีจุดเริ่มต้นที่เขื่อนป่าสัก จะทำให้พื้นที่ริมน้ำทั้งลพบุรี สระบุรี และอยุธยา ได้รับผลกระทบ เพราะข้อมูลจากศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคกลาง เมื่อช่วง 15.00 น. บอกว่า น้ำบริเวณสถานีพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ใกล้ล้นตลิ่ง เพราะตลิ่งสูง 31.48 เมตร แต่ตอนนี้มีระดับน้ำ 31.34 เมตร ส่วนบริเวณอำเภอเมืองสระบุรี มีน้ำล้นตลิ่งแล้ว เพราะตลิ่งสูง 12.80 เมตร แต่มีระดับน้ำ 13.89 เมตร (สูงกว่าตลิ่ง 1.09 เมตร) ขณะที่จุดอำเภอท่าเรือ จังหวัดอยุธยา ระดับตลิ่ง 8 เมตร และระดับน้ำ 8.70 เมตร
ข้อมูลนี้ตรงกับที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้ออกประกาศเตือนพื้นที่ 9 จังหวัดระวังน้ำท่วมจากการที่เขื่อนระบายน้ำเพิ่ม เพราะอย่างท้ายเขื่อนพระรามหก เมื่อวานยังเป็นจุดสีเหลืองอยู่ในระดับวิกฤติ วันนี้เปลี่ยนสีแดงคือน้ำท่วมแล้ว
สำหรับ 9 จังหวัดที่ได้รับการแจ้งเตือน ไล่มาตั้งแต่จากท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดที่ได้รับผลกระทบคือ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ ขณะที่สระบุรีได้รับผลกระทบอย่างหนักจากลุ่มน้ำป่าสัก เทียบเคียงกับอยุธยาที่ได้รับผลกระทบหนักจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ แต่อยุธยาจะมีน้ำมาจากหลายทางคือบางหลวง บางบาล และแม่น้ำน้อย
แม้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติจะเตือนให้เฝ้าระวังน้ำท่วมแค่วันที่ 1-5 ตุลาคม แต่ยังต้องจับตาเรื่องพายุ และน้ำหนุนสูงที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน ทำให้คาดการณ์ว่าในช่วง 10-20 วันจากนี้พื้นที่เสี่ยงถูกน้ำท่วมยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง. – สำนักข่าวไทย