น้ำท่วมลพบุรียังวิกฤติ บางจุดสูงกว่า 2 เมตร

ภูมิภาค 29 ก.ย. – สถานการณ์น้ำท่วม จ.ลพบุรี ยังวิกฤติ ถูกน้ำท่วมแล้วทั้งหมด 7 อำเภอ บางจุดระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน และระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง


สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ลพบุรี ยังวิกฤติ ถูกน้ำท่วมแล้วทั้งหมด 7 อำเภอ จาก 11 อำเภอ ซึ่ง อ.ลำสนธิ ชัยบาดาล โคกสำโรง และบ้านหมี่ เป็นพื้นที่ 4 อำเภอที่ถูกน้ำท่วมหนักที่สุด โดยเฉพาะ อ.บ้านหมี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ บางจุดระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้านเท่านั้น และระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,000 ครอบครัว

อ.บ้านหมี่ มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 10 ตำบล ซึ่งอยู่ติดกับคลองชัยนาท-ป่าสัก และเป็นจุดสุดท้ายที่รับน้ำจากอำเภอต่างๆ ที่ไหลหลากมารวมกัน ระดับน้ำท่วมสูงสุดอยู่ที่ ต.บ้านกล้วย ต.หนองเมือง ต.หนองกระเบียน ต.พุคา ต.หนองทรายขาว ล่าสุดมวลน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่ ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี มีประกาศเตือนประชาชนเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน เร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง


ส่วนสถานการณ์น้ำที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ล่าสุดวันนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนที่ 953 ล้านลูกบาศ์กเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 99.27 ของความจุที่ 960 ล้านลูกบาศ์กเมตร โดยยังมีมวลน้ำเหนือไหลลงเขื่อน อยู่ที่ 209 ล้านลูกบาศ์กเมตรต่อวัน ซึ่งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ต้องเปิดประตูระบายน้ำ 5 บาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน เฉลี่ย 50 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำเหนือไหลลงตัวเขื่อนในบริมาณมาก และยังคงต้องระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยออกหนังสือ “ด่วนที่สุด” ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด ประกอบด้วย ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ เตรียมรับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เต็มความจุของอ่าง กรมชลประทานจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำปาสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหก ในชุมชมนอกคันกั้นน้ำ บริเวณวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-2.5 เมตร

หลายพื้นที่น้ำท่วมสูง หลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม
แม่น้ำเจ้าพระยา ใน อ.เมืองชัยนาท สูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับ 17 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้ถนนเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ ม.2 ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท ที่ทรุดตัวยาวกว่า 30 เมตร ทรุดตัวมากขึ้นอีก กระแสน้ำยังได้กัดเซาะดินใต้ถนนลึก 30 เซนติเมตร ทำให้ถนนพังเสียหาย


เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลธรรมามูลได้นำแผงเหล็กไปปิดกั้นถนน พร้อมติดไฟสัญญาณเตือน และติดธงแดง เพื่อแจ้งเตือนประชาชน และขอให้ประชาชนงดใช้ทางสัญจรในบริเวณดังกล่าว ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน เพื่อป้องกันอันตราย

ขณะที่ช่วงเที่ยงวันนี้ แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นเป็น 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนขึ้นอีก 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จาก 2,749 เป็น 2,784 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้น้ำที่ท่วมใน อ.สรรพยา เพิ่มสูงขึ้น ชาวบ้านต่างนำเรือออกมาใช้งาน เพราะบางจุดไม่สามารถเดินลุยน้ำเข้าออกบ้านได้แล้ว มีพื้นที่ได้รับผลกระทบในหมู่ 4 และหมู่ 5 ต.โพนางดำตก บ้านเรือนกว่า 100 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมสูง 30 เซนติเมตร-1 เมตร ชาวบ้านที่มีบ้านชั้นเดียวต้องขนของหนีน้ำขึ้นไปอาศัยอยู่ริมถนนสาย 311 ชัยนาท-สิงห์บุรี บางคนไม่มีเรือใช้งาน ต้องเดินลุยน้ำที่ท่วมสูงถึงหน้าอก เพื่อขนของหนีน้ำ

นายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอำเภอสรรพยา ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พื้นที่ริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำใน อ.สรรพยา ทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมแล้ว 6 ตำบล 35 หมู่บ้าน 820 หลังคาเรือน และอาจมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก หากเขื่อนเจ้าพระยายังเพิ่มการระบายน้ำต่อเนื่อง อาจทำให้แนวกระสอบทรายที่ชาวบ้านทำป้องกันหมู่บ้านไว้อีก 22 หมู่บ้าน พังทลายลงมา

บางระกำเฝ้าระวังมวลน้ำจากสุโขทัย
อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เตรียมพร้อมเฝ้าระวังมวลน้ำที่มาจาก จ.สุโขทัย ซึ่งจะไหลผ่าน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ผ่านแม่น้ำยม 2 ฝั่ง โดยเฉพาะฝั่งขวา ที่รับน้ำจากบ้านกง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ซึ่งระบายผ่านประตูระบายน้ำวังสะตือ รวมทั้งมวลน้ำจากอ่างแม่มอก มีมวลน้ำบางส่วนได้ไหลเข้าทุ่งพื้นที่การเกษตร แต่ไม่เสียหาย เพราะเกษตรกรเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ทาง อ.บางระกำ จึงเฝ้าระวังน้ำที่เพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร หรือวันละประมาณ 20 เซนติเมตร อยู่ในระดับวิกฤติ จึงแจ้งเตือนให้ประชาชนริม 2 ฝั่งแม่น้ำยม เก็บของขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดผ่านผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และเตรียมความพร้อมแผนเผชิญเหตุ และอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินให้พร้อม

นายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอบางระกำ ประเมินคาดว่ามวลน้ำก้อนใหญ่จาก จ.สุโขทัย จะเดินทางมาในอีก 5-7 วันข้างหน้า เป็นระดับพีคของบางระกำ ซึ่งทุ่งบางระกำโมเดล ทุ่งบางระกำฝั่งซ้าย ยังสามารถรับน้ำได้ ที่สถานทีวัดน้ำ Y 64 ที่สะพานข้ามแม่น้ำยม อ.บางระกำ สูงกว่าระดับตลิ่ง 65 เซนติเมตรแล้ว แต่ไม่ได้กระทบบ้านเรือน หากไม่มีฝนมาเติมเต็มน่าจะพอรับได้ ไม่หนักเหมือนปี 60 หรือปี 54 เพราะมวลน้ำสุโขทัยหลากเข้าทุ่งบางส่วน ทำให้ตัดมวลน้ำไปได้ในระดับหนึ่ง

น้ำท่วม จ.นครสวรรค์ จะเริ่มลดพรุ่งนี้
สถานการณ์น้ำท่วม จ.นครสวรรค์ กรมชลประทานคาดว่าน้ำจะเริ่มลดลงตั้งแต่พรุ่งนี้ ที่ท่วม อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ มีแนวโน้มดีขึ้น หากไม่มีฝนตกเพิ่ม น้ำจะเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว โดยโครงการชลประทานนครสวรรค์และส่วนเครื่องจักรกล สำนักงานชลประทานที่ 3 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่

ทั้งนี้ จังหวัดซึ่งอยู่ในลุ่มเจ้าพระยายังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเนื่อง จากการระบายน้ำพื้นที่ตอนบน โดยแม่น้ำปิงที่ อ.บรรพตพิสัย แม่น้ำน่านที่ อ.ชุมแสง มีระดับสูงขึ้น แต่ยังไม่ล้นตลิ่ง ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาที่ อ.เมืองนครสวรรค์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จึงกำชับให้โครงการชลประทานทุกแห่งแจ้งเตือนประชาชนทุกระยะ

อ.บางบาล ยังอ่วม ชาวบ้านเร่งกั้นกระสอบทราย
ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงสูงขึ้น ชาวบ้านต้องช่วยกันนำกระสอบทราบวางแนวกั้นหน้าวัดจุฬามณี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากเมื่อกลางดึกมีน้ำทะลักเข้ามา ขณะที่ทหารจาก ม.5 พัน.24 รอ. สระบุรี นำทรายมาร่วมกับจิตอาสา และนักเรียน ช่วยกันป้องกันโรงเรียนบางบาล โดยระดับน้ำที่สูงขึ้นยังท่วมถนนเส้นทางสายวัดอินทาราม-บางบาล การจราจรเป็นไปด้วยความากลำบาก ทางอำเภอได้ประสานกับทางหลวงชนบทในการเร่งมากู้ถนนเพื่อไม่ให้เสียหายมากขึ้น พร้อมทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ต้องการให้เปิดประตูระบายน้ำเข้าทุ่งนา แต่เนื่องจากยังไม่สามารถระบายน้ำเข้าทุ่งได้ เนื่องจากยังมีการเก็บเกี่ยวข้าวและแคนตาลูป คาดว่าจะระบายน้ำเข้าทุ่งบางบาลได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่นำรถและข้าวของออกไปอยู่ริมถนน โดยทางเทศบาลตำบลบางบาลนำเต็นท์มาตั้งตามจุดต่างๆ และยังมีการนำดินมาวางแนวป้องกันน้ำท่วมถนนด้วย

นนทบุรีเตรียมพร้อมรับมือน้ำเหนือ
หลายหน่วยงานใน จ.นนทบุรี ลงพื้นที่ชุมชนตลาดขวัญ ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ หากปีไหนน้ำจากทางภาคเหนือมีปริมาณมาก และน้ำทะเลหนุน บ้านเรือนประชาชนจะได้รับผลกระทบจากน้ำที่เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนในชุมชน ชาวบ้านได้เก็บของ เครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นไว้ที่สูง หลังทราบข่าวว่ามีน้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดในแถบภาคเหนือและอีสาน จึงเตรียมพร้อมยกข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูง เพราะเชื่อว่า จ.นนทบุรี ต้องได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมแน่นอน

ขณะเดียวกันทางเทศบาลนครนนทบุรี ได้ให้ช่างนำอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือมาสร้างสะพานไม้ เพื่อใช้เป็นทางเดินให้กับชาวบ้านในช่วงที่น้ำทะเลหนุน ซึ่งมีความสูงเกือบ 2 เมตร เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านในชุมชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย