เชียงใหม่ 23 ก.ย.-ตำรวจ สภ.นาหวาย เตรียมขอศาลออกหมายจับคนร้ายหลอกขายโทรศัพท์มือถือทางออนไลน์ ทำเด็กวัย 14 ปี เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต
ช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการหลอกขายโทรศัพท์มือถือทางออนไลน์และโกงน้องก้อง เด็กชายวัย 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเชียงดาว ที่เก็บเงินเพื่อสั่งซื้อมือถือจากเพจเฟซบุ๊ก แต่เมื่อโอนเงินไป กลับถูกบล็อก และไม่ส่งของให้ ทำให้น้องเสียใจและเกิดความเครียด เส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิต
พันตำรวจเอกสกุลรัชช์ คงทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาหวาย เปิดเผยว่า ได้รับเอกสารจากตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ช่วยตรวจสอบการโกงน้องก้อง ซึ่งเบื้องต้นมีผู้เกี่ยวข้อง 2 คน ทั้งเจ้าของบัญชีธนาคารซึ่งน้องก้องโอนเงินไปให้และเจ้าของไอพีแอดเดรส ผู้ใช้อินสตาแกรมที่ลงขายโทรศัพท์ให้น้องก้อง โดยเตรียมยื่นขออำนาจศาลออกหมายจับในวันนี้ ใน 2 ข้อหา ทั้งฉ้อโกงและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ขณะที่พลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งทำคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่กระทบต่อความรู้สึกและน่าจะมีผู้เสียหายอีกหลายราย
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยังเปิดเผยถึง คดีลักพาตัวน้องจีน่า เด็กหญิงวัยไม่ถึง 2 ขวบ จากบ้านบนดอย ที่อำเภอแม่แตง เชียงใหม่ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ขณะนี้ตำรวจยังคงทำงานต่อเนื่องในการสืบสวนเพื่อคลี่คลายปมสาเหตุการลักพาตัว แต่ยังต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง
หลอกขายจักรยานไฟฟ้าผ่านออนไลน์
ส่วนอีกคดีหลอกขายของผ่านออนไลน์เกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรีมย์ นายจิรัชยา เลไธสง อายุ 23 ปี สาวประเภทสอง ชาวบ้านใหม่หนองหว้า อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ นำเอกสารหลักฐานการสั่งซื้อของออนไลน์สลิปการโอนเงิน ออกมาร้องเรียนและเตือนภัย หลังจากถูกหลอกซื้อจักรยานไฟฟ้าผ่านออนไลน์แต่สุดท้ายกลับถูกโกง ถูกเชิดเงิน และปิดเฟซบุ๊กหนี
นายจีรัชยา เล่าว่า แม่ของตนเองซึ่งปัจจุบันอายุ 71 ปีแล้ว บอกว่าอยากได้จักรยานไฟฟ้า จึงค้นหาตามที่มีคนโพสต์ประกาศขายผ่านออนไลน์ จนไปเจอว่ามีเพจเฟซบุ๊ก โพสต์ขายจักรยานไฟฟ้าและมีการรีวิวน่าสนใจ จึงติดต่อซื้อจักรยานไฟฟ้า ซึ่งทางเพจดังกล่าวได้ยื่นข้อเสนอว่า หากโอนจ่ายเงินล่วงหน้า จะคิดในราคา 1,890 บาท แต่หากสั่งแบบเก็บปลายทางจะบวกเพิ่มอีก 450 บาท ทำให้ตนไม่อยากเสียเงินเพิ่มจาการสั่งแบบเก็บเงินปลายทาง จึงตัดสินใจโอนเงินล่วงหน้า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมจำนวน 1,890 บาท
ผู้เสียหาย บอกว่า หลังโอนเงินเสร็จ ทางเพจแจ้งกลับมาว่า จะส่งของให้ภายใน 3–5 วัน ซึ่งตนก็แปลกใจว่าหลังจากโอนเงินไปแล้วทำไมทางเพจไม่ส่งหมายพัสดุสินค้ามาให้ แต่ก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งผ่านไป 5 วัน ก็ยังไม่ได้รับสินค้า จึงตัดสินใจส่งข้อความแชทไปถามทางเพจ และพบว่ามีผู้เสีบหายรายอื่นเข้าไปทวงถามสินค้าที่ยังไม่ได้รับจำนวนมาก จนล่าสุด เพจดังกล่าว ได้ปิดหน้าเพจเฟซบุ๊กไปแล้ว จึงมั่นใจว่าถูกโกงแน่นอน และนำหลักฐานไปลงบันทึกไว้ที่ สภ.ละหานทราย
นายจีรัชยา บอกด้วยว่า เงินที่โอนให้กับทางเพจไป เป็นเงินเก็บจากการทำงานรายวัน วันละ 300 บาท ตั้งใจจะซื้อจักรยานให้แม่ เพราะแม่อายุมากแล้ว อยากให้แม่เอาไว้ใช้
มีข้อมูลว่า หลังจากที่เพจดังกล่าว ปิดไป ก็ได้ไปเปิดเพจเฟซบุ๊กใหม่ และมีการโพสต์ขายจักรยานไฟฟ้าอีก และเมื่อผู้เสียหายเข้าไปทวงถาม ถึงสินค้าที่เคยสั่งไปและเหตุผลที่ปิดเพจหนี ก็จะถูกลบข้อความและบล็อกทันที.-สำนักข่าวไทย