กาญจนบุรี 23 ก.ย.-สำนักข่าวไทย เกาะติดกรณีศูนย์บำบัด ในจังหวัดกาญจนบุรี ถูกร้องเรียนทั้งเรื่องความแออัด และดูแลผู้บำบัดไม่เหมาะสม ซึ่ง 2 วันที่ผ่านมาเราเสนอฟากผู้ร้องไปแล้ว วันนี้เราไปฟังฝั่งคนที่หนุนให้ศูนย์บำบัดยังคงอยู่ต่อไป แม้ตอนนี้ศูนย์จะถูกปิดไปแล้ว แต่ยังมีผู้บำบัดหลายคนที่เปลี่ยนจากอยู่ที่ศูนย์มาบวชเป็นพระ พร้อมยืนยันวัดดูแลดี
กรณีผู้ปกครองของผู้บำบัดยาเสพติดไปร้องหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว ว่าศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ดูแลผู้บำบัดไม่ดี แถมเจ้าหน้าที่ศูนย์ยังกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกายผู้บำบัด ทำให้หมอปลา และทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ นำคณะสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบศูนย์ และพูดคุยกับผู้ว่าฯ จนได้สรุปว่าสถานที่แออัดจริง จึงขนย้ายผู้บำบัดไปพักรอที่ รพ.สนามเขาชนไก่เป็นการชั่วคราว
แต่ท่ามกลางกระแสว่าร้ายศูนย์บำบัด ก็มีบุคคลหลายกลุ่มเห็นต่าง อย่างนายธวัช ภูมิผิว น้องชายเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้ว ถึงกับออกปากกับผู้สื่อข่าว ฝากไปถึงผู้เสพข่าว ผู้เสพโซเชียล ให้ดูข้อมูล 2 ด้าน หากดูด้านเดียวทุกคนจะมองวัดเสื่อมเสียไปหมด อยากให้มองความเป็นจริงทั้งหมดมันว่าเป็นอย่างไร และที่เกิดเหตุเพราะอะไร ย้ำว่าที่นี่มีกฎระเบียบ แต่ที่ออกข่าวไปว่าใช้กระบองเหล็ก หรือวัตถุอื่นๆ ไม่เป็นความจริง ที่นี่จะมีเพียงไม้เรียวไว้ทำโทษ กรณีที่ผู้บำบัดทำผิดกฎ ดูแลกันเหมือนพ่อแม่ดูแลลูก เหมือนครูสอนศิษย์ แถมผู้ปกครองบางคน เห็นหน้ากันแค่ครั้งเดียวตอนมาส่งผู้บำบัด บางคน 3-4 เดือนเห็นที หรือบางคนเป็นปีไม่เคยติดต่อมาหาลูกหลานก็มี โทรไปก็ไม่รับสาย เหมือนปล่อยทิ้งลูกหลานไว้เลย ทำให้ทางวัดต้องดูแลเข้มงวด ส่วนประเด็นกักขังหน่วงเหนี่ยวก็ไม่เป็นความจริง ยอมรับต้องควบคุมเข้มงวด เพราะคนหมู่มาก หากใครแอบหนีออกไปสร้างความเดือดร้อน วัดก็มีปัญหา
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องเงิน ก็ยืนยันว่า เรียกเก็บค่าเข้าปีละ 12,000 บาทเท่านั้น พร้อมฝากให้คิด 12,000 ต่อปี ตกเดือนละเท่าไหร่ ส่วนที่เป็นข่าวมีห้องน้ำแค่ 2 ห้อง น้องชายเจ้าอาวาสก็บอกขอชี้แจงด้วย ยอมรับก่อนหน้าวัดรับผู้ติดยาเสพติดเข้าบำบัดในศูนย์แค่ 50-60 คน แต่ญาติๆ ของผู้บำบัดเห็นว่าที่นี่โอเค จึงบอกต่อๆ กัน แล้วก็มีฝากผู้บำบัด ทำให้คนในศูนย์มีเยอะขึ้น เกิดความแออัด ห้องน้ำที่มีอยู่ 2 ห้องก็ไม่พอใช้
ส่วนผู้บำบัดที่สมัครใจบวชพระ ก็ยืนยันมาบำบัดที่ศูนย์ มีลำบากบ้าง แต่ชีวิตก็ปกติ ทำผิดก็ถูกทำโทษ และส่วนตัวแม้ศูนย์ปิด หรือมีข่าวโจมตีวัดให้เสียหายยังตัดสินใจอยู่ที่วัดนี้ต่อ เพราะที่นี่ดีดูแลดี
ด้านพี่สาวของผู้บำบัดที่สมัครใจบวชเป็นพระ ก็พูดตรงกัน ตลอดเวลา 1 ปีที่ให้น้องมาอยู่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้ดีมาก เป็นไปได้อยากให้อยู่ตลอดชีวิต และมองว่าการทำโทษก็เหมือนการเลี้ยงลูก หากทำผิดก็ต้องลงโทษ และเงินที่จ่ายเพิ่มเดือนละ 2,000 บาท นอกเหนือจากที่จ่ายค่าแรกเข้า เป็นราคาที่เหมาะสม
ยังมีอีก 1 เสียงที่มองว่าวัดที่นี่ดูแลผู้บำบัดดี โดยเฉพาะเจ้าอาวาสที่มรณภาพ เป็นพระที่พูดตรง ดุบ้างหากทำผิด พร้อมเล่าทั้งน้ำว่า สงสารท่าน มรณภาพไปแล้ว ไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้ คนเป็นก็พูดไปคนตายพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย