กาญจนบุรี 21 ก.ย.- เกาะติดกรณีเข้าตรวจสอบศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดวัดท่าพุฯ ที่กาญจนบุรี หลังมีผู้ร้องเรียนว่ามีการขู่เรียกเงินและทำร้ายร่างกาย ล่าสุดสั่งย้ายผู้บำบัดประมาณ 300 คน ไปที่เขาชนไก่เเล้ว
หลังจากเมื่อวาน (20 ก.ย.) นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ และนายจีรพันธ์ แสงขาว หรือ “หมอปลา” เข้าตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง หมู่ 10 ตำบลด่านมะขามเตี้ย อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี หลังได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองของชายรายหนึ่งที่เข้ารับการบำบัดว่า ภายในศูนย์ฯ มีการซ้อมทรมาน รวมถึงอ้างว่าให้ทำสัญญาและเรียกเก็บเงิน โดยในศูนย์ฯ มีผู้บำบัดอยู่กันอย่างแออัดประมาณ 300 คน แต่มีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง พร้อมตั้งคำถามว่าศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือไม่
ระหว่างที่นายไพศาลฯ และ “หมอปลา” กำลังจะถึงที่ศูนย์ฯ ปรากฏว่าพระครูปลัดประสิทธิ์ รตินฺธโร เจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฎร์บำรุงมรณภาพกะทันหัน เนื่องจากเจ้าอาวาสสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ประกอบกับเครียดต่อเรื่องราวดังกล่าวจนอาการทรุด และลูกศิษย์นำตัวส่งโรงพยาบาลฯ ก่อนมรณภาพ
หลังจากที่นายไพศาลฯ และ “หมอปลา” ลงพื้นที่ ปรากฏว่านายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีพร้อมคณะลงพื้นที่วัดท่าพุฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหา โดยสั่งให้ขนย้ายผู้บำบัดทั้งหมดประมาณ 300 คน ไปพักคอยที่ค่ายทหารศูนย์ รด.เขาชนไก่ หลังจากนั้นจะประสานญาติ และผู้ปกครองของแต่ละคนเพื่อมารับตัวกลับเพื่อความสบายใจ ส่วนการร้องเรียนตรวจสอบก็เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
สำหรับกรณีดังกล่าวทำให้ชาวกาญจนบุรีมีความเห็นที่หลากหลาย โดยมีผู้ใช้ Facebook คนหนึ่งโพสต์ในกลุ่ม “คนเมืองกาญจน์ รีเทิร์น” อ้างว่าอยู่กับหลวงพ่อมา 7 ปี โดยยืนยันว่า วัดท่าพุฯ มีการเรียกเก็บเงินค่าแรกเข้า 1 ปีเป็นเงิน 12,000 บาท ไม่ได้มีการเรียกรับเงิน 50,000 บาท ซึ่งเงินที่เรียกเก็บจะเป็นค่าใช้จ่ายคุมประพฤติ ส่วนการกักบริเวณผู้บำบัดเพิ่งเริ่มมาเพียง 4 เดือนเพราะบางคนมีพฤติกรรมหลบหนี และออกไปลักขโมยรถ หรือ เสื้อผ้าชาวบ้าน
ส่วนแผลตามร่างกายของผู้บำบัดนั้นไม่ใช่การทุบตีแต่เป็นโรคผิวหนัง แต่ยอมรับว่าการตีกันมีจริง ซึ่งไม่ถึงแก่ชีวิต และกรณีข้าวบูด พบว่าเป็นการเก็บไว้ตั้งแต่เช้าเพื่อมากินช่วงเย็น เพราะวัดให้ข้าวกินวันละ 2 มื้อ คือ เช้ากับเที่ยง หลังโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก บางส่วนเห็นด้วยที่มีการเข้าไปตรวจสอบและช่วยเหลือผู้บำบัดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านสาธารณสุข แต่อีกส่วนไม่เห็นด้วยเพราะเชื่อว่าหากกลุ่มผู้ที่บำบัดยาเสพติดอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวตัวเอง และเห็นว่าสถานบำบัดต้องเข้มงวดเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่รุนแรงของผู้ติดยา หากปล่อยออกมาอาจเดือดร้อนต่อสังคม.-สำนักข่าวไทย