รวบคนร้ายฆ่าปาดคอสาวโรงงาน

ชลบุรี 16 ก.ย. – ตำรวจจับคนร้ายฆ่าปาดคอสาวโรงงาน จ.ระยอง ได้แล้ว​ หลังตามล่ามากว่า 1 สัปดาห์​ จนมุมในท้องที่อำเภอพนัสนิคม​ จังหวัดชลบุรี


ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญ นางสาวหยดน้ำ อายุ 23 ปี สาวโรงงานที่จังหวัดระยอง ถูกฆาตกรรมในห้องแถวร้านค้าริมถนนสายบ้านบึง-บ้านค่าย ตำบลหนองกรับ อำเภอบ้านค่าย เมื่อคืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา โดยสภาพศพถูกปาดคอและข้อมือเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนตามตัวถูกห่อด้วยสแลนกันสาดสีเขียว ล่าสุดการล่าตัวฆาตกรโหด ตำรวจระดมกำลังทั้งชุดสืบสวนภูธรภาค 2 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ลงพื้นที่ช่วยตำรวจ สภ.หนองกรับ เจ้าของท้องที่ คลี่คลายคดี ทำให้ตอนนี้ได้เบาะแสแล้วว่าฆาตกรชื่อว่าอุดร เป็นชาวอุดรธานี อายุ 50 ปี มีประวัติอาชญากรรมในข้อหาพยายามฆ่า ขณะที่เบาะแสใหม่พบฆาตกรโหดหนีไปกบดานในพื้นที่ฉะเชิงเทรา หลังชิงมอเตอร์ไซค์ไปแล้วนำมาจอดทิ้งริมถนน ชุดสืบสวนจึงเร่งประสานตำรวจฉะเชิงเทรา ร่วมกันไล่ล่าตัวอย่างกระชั้นชิด พร้อมนำภาพคนร้ายมาตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท เพื่อเร่งล่าตัว

อย่างไรก็ตาม แม้คดีมีความคืบหน้าถึงขั้นรู้ตัวฆาตกรรายนี้ แต่ตำรวจยังย้ำว่าตอนนี้ยังไม่ออกหมายจับ ขอรอการพิสูจน์ทราบ ถ้าชัดเจนเมื่อไรออกหมายจับทันทีแน่นอน


มือฆ่าปาดคอโผล่ฉะเชิงเทรา ถูกจับคดีอื่น แต่ยังหนีไปได้
ส่วนความเคลื่อนไหวที่ฉะเชิงเทรา ที่บอกไปพบตัวนายอุดรโผล่ในพื้นที่ ตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทราบอกว่าไม่ใช่แค่โผล่มาให้เห็น แต่ตำรวจได้จับตัวนายอุดรไว้แล้วด้วย ในข้อหาเมาสุรา ประพฤติตนวุ่นวาย และเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บ ตำรวจจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลพุทธโสธร ซึ่งตอนนั้นตำรวจไม่มีใครรู้ว่าคนนี้มีประกาศจับ กระทั่งตรวจข้อมูล พบภาพประกาศจับของ สภ.หนองกรับ ระยอง ว่ามีลักษณะรูปพรรณคล้ายกับคนร้ายในคดีฆ่าสาวโรงงาน ชุดสืบสวนจึงได้โทรประสานกัน และรีบเดินทางมาอายัดตัว แต่ปรากฏว่านายอุดรหนีออกจากโรงพยาบาลไปก่อนแล้ว ซึ่งขณะนี้กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้วางหาแนวทางตามจับตัว โดยมีชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 สนธิกำลังชุดสืบสวนภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา และระยอง แบ่งกำลังไปสังเกตการณ์ตามสถานที่สาธารณะ สถานที่ขนส่ง สถานีรถไฟ และจุดที่มีคนเร่ร่อนพักอาศัย เพราะเชื่อว่านายอุดรยังหนีวนเวียนอยู่ในพื้นที่เมืองฉะเชิงเทรา

มือฆ่าปาดคอเคยต้องโทษพยายามฆ่า
สำหรับฆาตกรโหดรายนี้ ตำรวจย้ำว่าเคยต้องโทษข้อหาพยายามฆ่าเมื่อปี 56 เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.บ้านดุง จังหวัดอุดรธานี และการนำภาพประกาศจับไปให้แม่ของนายอุดรดู ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นลูกชายของตัวเอง แต่แม่บอกตั้งแต่ลูกพ้นโทษมาเมื่อปี 61 ลูกก็ออกจากบ้านไป และไม่เคยเห็นหน้ากันอีกเลย

เปิดเบาะแสมือฆ่าปาดคอสาวโรงงาน
คดีนี้เกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 6 กันยายน แต่มีคนไปพบศพของสาวโรงงานถูกฆ่าปาดคอในวันที่ 7 กันยายน ซึ่งในตอนที่พบศพนั้น ตำรวจเชื่อว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10 ชั่วโมง โดยสามีผู้ตายให้ข้อมูลว่า กิจวัตรทุกวันของผู้ตายคือจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากบ้าน มาจอดที่ร้านค้าที่เกิดเหตุ แล้วขึ้นรถรับส่งพนักงานของโรงงานไปทำงาน พอช่วงค่ำเลิกงานก็จะลงรถขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านก่อน 3 ทุ่มทุกวัน แต่คืนวันที่ 6 กันยายน เวลา 4 ทุ่มแล้ว ภรรยายังไม่กลับ ออกมาดูก็เห็นมอเตอร์ไซค์ แต่ไม่เห็นภรรยา ก็กลับไปรอที่บ้าน จนตอนเช้ามาที่ร้านอีกครั้ง พบรอยคราบเลือดบริเวณร้านค้า ส่วนมอเตอร์ไซค์ภรรยาหายไป กระทั่งช่วงเที่ยง เจ้าของร้านค้ามาเปิดร้าน ดึงผ้าสแลนกั้นหน้าร้านออกจึงพบศพของภรรยา


ส่วนมือฆ่าโหดตอนนั้น สันนิษฐานเป็นชายเร่ร่อน พอก่อเหตุเสร็จก็ขี่มอเตอร์ไซค์ผู้ตายหนีไป กระทั่งกลางดึกวันที่ 9 กันยายน ชุดสืบสวนไปพบมอเตอร์ไซค์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และยางรถเสื่อมสภาพ ถูกจอดทิ้งไว้หลังป้อมตำรวจจราจรแยกไฟแดงมาบตาพุด จึงตรวจหมายเลขเครื่อง ทำให้พบว่าเป็นของสาวโรงงาน ขณะที่ตัวรถพบถุงมือสีดำ 1 คู่ วางอยู่ในช่องเก็บของใต้เบาะ และหมวกกันน็อกสีดำวางอยู่ในตะกร้าหน้ารถ ซึ่งในหมวกพบเส้นผมอยู่ในนั้นด้วย ชุดสืบสวนจึงเก็บไปตรวจดีเอ็นเอ นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในตัวเมืองระยอง ว่าช่วง 5 ทุ่ม วันที่ 6 กันยายน วงจรปิดของร้านบันทึกภาพชายคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหลบฝน แล้วนั่งที่ม้าหินอ่อนข้างร้าน จากนั้นมีการถอดแผ่นป้ายทะเบียนมอเตอร์ไซค์ แล้วเอาไปทิ้งฝั่งตรงข้ามร้านค้า ก่อนจะพยายามถอดแผ่นป้ายทะเบียนของมอเตอร์ไซค์ที่จอดหน้าร้านค้า เพื่อเอาไปสลับเปลี่ยน แต่ถอดไม่ออก จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนั่งสูบบุหรี่ พร้อมกับเอากระเป๋าเป้ไปซ่อนไว้หลังม้าหินอ่อน แล้วขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป ขณะที่เบาะแสเพิ่มเติมซึ่งนำสู่การสเก็ตซ์ภาพฆาตกรโหด คือมีคนไปพบชายเร่ร่อนขณะเมาสุรา เดินเข้ามาขอซื้อลาบในจุดเกิดเหตุ จากนั้นก็เกิดเหตุฆาตกรรมโหดขึ้น ตำรวจจึงนำภาพดังกล่าวไปตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท สำหรับผู้แจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุม

ส่วนมูลเหตุจูงใจคาดว่าเป็นการชิงทรัพย์ โดยฆาตกรอาศัยช่วงเคอร์ฟิว คนน้อย และฝนตก มาดักรอก่อเหตุ

โดยเช้าวันนี้​มีการระดมตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และชุดสืบสวน​ สภ.หนองกรับ ไล่ล่าในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา และชลบุรี​ ก่อนจะจนมุมในท้องที่อำเภอพนัสนิคม​ จังหวัดชลบุรี เมื่อช่วงค่ำวันนี้​ ขณะนี้กำลังคุมตัวมาสอบปากคำที่ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย

“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก จะทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์

พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย.-“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณเสียงชื่นชม-ความคาดหวัง เป็นกำลังใจทำงาน รับทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่จะเลือกทำสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุด นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้วว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน “ดิฉันในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ” นางศุภจี กล่าว เมื่อถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ นางศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกฯ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า […]

ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์

กัมพูชา 10 ก.ย.- ไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ผลประชุม GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงจัดการพื้นที่พิพาท รมช.กลาโหม ย้ำสองประเทศต้องอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ที่มาเลเซียที่ผ่านมา เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร พร้อมย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม หลังการหยุดยิงดำเนินมากว่า 1 เดือน ว่ามีความสงบมากขึ้น แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่ต้องแก้ไข เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเต็มร้อย โดยผลการประชุมสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 […]