รพ.เพชรบูรณ์ แจงข้อมูลถูกแฮกไม่กระทบการรักษา

เพชรบูรณ์ 7 ก.ย. – โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ออกประกาศชี้แจงเหตุถูกแฮกข้อมูลคนไข้ ยืนยันเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์แห่งเดียว เป็นข้อมูลทั่วไป ไม่มีผลกระทบต่อการรักษา


โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ออกประกาศฉบับที่ 1 ชี้แจงเหตุถูกคุกคามทางไซเบอร์ หลังถูกประกาศขายข้อมูลของโรงพยาบาลในอินเทอร์เน็ตเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา เวลา 13.00 น. ขนาด 3.75 GB จำนวน 16 ล้าน records จากฐานข้อมูลจำนวน 146 ฐานข้อมูล ในราคา 500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 16,240 บาท หลังเกิดเหตุทางโรงพยาบาลได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทันทีในวันเดียวกัน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากภายนอก

จากการตรวจสอบไม่พบความเสียหายกับระบบปฏิบัติการที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ส่วนข้อมูลที่ประกาศขายเป็นข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อประชาชนที่มารับบริการโรงพยาบาล ชื่อแพทย์ที่ดูแล และตารางเวรแพทย์ ข้อมูลสัญญาณชีพ วัน เวลาที่มารับบริการ สิทธิการรักษา เลขประจำตัวผู้ป่วย ทั้งหมดไม่ใช่ฐานข้อมูลการรักษา ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการวินิจฉัยและรักษาโรค เป็นข้อมูลทั่วไปที่ไม่มีผลกระทบต่อการดูแลรักษา ได้แก่ ข้อมูลรายชื่อเวชระเบียนผู้ป่วยใน 10,095 ราย ใช้ในการตรวจสอบระบบเวชระเบียน (ไม่มีรายละเอียดการดูแลรักษา), ข้อมูลรายชื่อผู้ป่วยนอกที่นัดรับการรักษา ประมาณ 7,000 ราย


ข้อมูลตารางเวรแพทย์ มีเลข 13 หลักของแพทย์ผู้รักษา 39 ราย เพื่อใช้ในการเข้าถึงฐานข้อมูล, ข้อมูลรายชื่อผู้ป่วยในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด 692 ราย, ข้อมูลผู้ป่วยโรงพยาบาลสนาม 795 ราย

ส่วนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น โรงพยาบาลได้ประเมินความเสียหาย ตรวจสอบความเสี่ยงและความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด มีการสำรองข้อมูลทั้งหมด ซึ่งโรงพยาบาลมีระบบสำรองข้อมูลทุก 1 ชั่วโมง เป็นปกติอยู่แล้ว และได้หารือผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข และขอรับคำปรึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่ต้น เพื่อให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในการปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลให้ปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจในการให้บริการต่อไป ทางโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ขอยืนยันว่าระบบข้อมูลทางด้านการรักษาพยาบาลยังสามารถใช้งานได้ปกติ

สธ.ยืนยันแฮกข้อมูลคนไข้ที่ รพ.เพชรบูรณ์ แห่งเดียว
ทางกระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงชี้แจงเรื่องนี้ โดย นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าข้อมูลที่ถูกแฮกไปนั้นไม่ใช่ 16 ล้านคน อย่างที่เป็นข่าว แต่เป็น 16 ล้านครั้ง ในการบันทึกข้อมูล และเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลเพชรบูรณ์เพียงแห่งเดียว มีข้อมูลคนไข้ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง 10,095 คนเท่านั้น และข้อมูลที่ได้ไปไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของคนไข้โดยตรง แต่เป็นโปรแกรมพื้นฐานการนัดหมายคนไข้ว่าเข้ามารับการรักษาเมื่อไร สิ้นสุดการรักษาเมื่อไร รวมถึงแพทย์ที่เข้าเวรรับการรักษา จึงทำให้มีข้อมูลแพทย์ 39 คน หลุดออกไปด้วย แต่ไม่ใช่ข้อมูลหลัก ตอนนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว คาดว่าการแฮกข้อมูลครั้งนี้น่าจะเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีพฤติกรรมเข้ามาเจาะฐานข้อมูล เห็นตรงไหนมีเข้าโหว่ก็เข้ามา แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีการเจาะเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์หลัก เป็นเพียงแต่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น


นพ.ธงชัย ยังเปรียบเทียบการแฮกข้อมูลครั้งนี้กับการแฮกข้อมูลครั้งที่แล้ว ที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลสระบุรี แตกต่างกัน โดยกรณีโรงพยาบาลสระบุรี เป็นการแฮกเรียกค่าไถ่ ดำเนินการโดยกลุ่มมิจฉาชีพต่างชาติ แต่ครั้งนี้เป็นการแฮกข้อมูลคนไข้เพื่อนำข้อมูลไปขายต่อ และยังไม่ทราบรายละเอียดว่ากลุ่มแฮกเกอร์เป็นต่างชาติหรือไม่ โดยเตรียมตั้งศูนย์เฝ้าระวังปลอดภัยทางไซเบอร์ด้านสุขภาพและศูนย์ตอบโต้สถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน เพื่อมาดำเนินการป้องกันในเรื่องนี้

ด้านนายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ บอกว่า การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้านสุขภาพ มี พ.ร.บ.คุ้มครองฯ มาตรา 7 ระบุว่าข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลเป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะนำไปเปิดเผยไม่ได้ ยกเว้นเจ้าตัวยินยอมหรือกฎหมายเฉพาะให้เปิดเผย จากกรณีนี้เห็นได้ชัดว่าอาจทำให้เกิดความเสียหายกับผู้ป่วยได้ การกระทำลักษณะนี้ถ้ามีความเสียหาย ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล มาตรา 49 มีโทษ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นความผิดที่ยอมความได้ สามารถไกล่เกลี่ยกับผู้ละเมิดแทนการร้องทุกข์ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก