จ่อแจ้งข้อหา อดีต ผกก.โจ้-ดาบโจ้ “มียาเสพติดไว้ในครอบครอง”

กรุงเทพฯ 3 ก.ย.-ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาอดีต ผกก.โจ้ และดาบโบ้ ครอบครองยาเสพติด หลังบุกไปค้นคอนโด และบ้านพัก ขณะที่ ราชทัณฑ์ รับตัว อดีต ผกก.โจ้ กับพวก เข้าเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว พร้อมคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด สั่งกักโรค 21 วัน


หลังลุ้นกันอยู่หลายวันว่าตำรวจจะคุมตัว พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ และพวก ส่งมาดำเนินคดีในกรุงเทพฯ วันไหน เนื่องจากคดีจะถูกโอนย้ายมาให้กองปราบ กระทั่งเช้ามืดวันนี้ มีรายงานว่า พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งให้กำลังตำรวจชุดสืบสวนกองปราบปราม และกำลังตำรวจหนุมานกองปราบ ติดอาวุธครบมือ เข้าคุมตัวอดีต ผกก.โจ้ พร้อมพวกอีก 6 คน ขึ้นรถตู้เรือนจำพิษณุโลกเดินทางมาเรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพฯ เพื่อรอดำเนินคดี หลังจาก พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งโอนสำนวนการสอบสวนคดีนี้ มาอยู่ในความดูแลของกองปราบ

เวลา 09.45 น. นักข่าวที่ปักหลักรอหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม สังเกตเห็นรถวิทยุกองปราบปราบขับนำรถกรมราชทัณฑ์ของรถเรือนจำพิษณุโลก โดยมีรถตู้ รถกระบะควบคุมผู้ต้องขัง รถ 6 ล้อ ซึ่งเป็นรถที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ปิดท้ายด้วยรถควบคุมผู้ต้องหาขับมา พร้อมมีรถตู้หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบปราม ขับประกบมาด้วย และทันทีที่รถขับถึงประตูทางเข้าเรือนจำกลางคลองเปรม เจ้าหน้าที่ได้กันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้พื้นที่และเปิดทางให้รถควบคุมผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลกเข้าไปด้านใน


ภายหลังเสร็จสิ้นการส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางพิษณุโลกได้เดินทางกลับโดยทันที โดยที่นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เข้าติดตามควบคุมการรับตัวอดีต ผกก.โจ้ และพวกทั้ง 6 คน ด้วยตัวเอง พร้อมสั่งตรวจเชื้อ และกักโรคเป็นเวลา 21 วัน

การควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 มายังเรือนจำกลางคลองเปรม พลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ให้ข้อมูลว่า คดีนี้ถูกได้โอนสำนวนการสอบสวนมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบ และยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย ส่วนการเข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโด อดีต ผกก.โจ้ และบ้านพักของดาบตำรวจ วิสุทธิ์ บุญเขียว หรือดาบโบ้ ที่พบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่จำนวนหนึ่งนั้น ผู้ต้องหาทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ และยาทั้งหมดจะเป็นของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากผู้ต้องหาคดียาเสพติดหรือไม่ ตอนนี้ยังชี้ชัดไม่ได้ ต้องรอการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน แต่เบื้องต้นมีการเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหา “มียาเสพติดไว้ในครอบครอง” เพิ่มเติมกับอดีต ผกก.โจ้ และดาบโบ้แล้ว

ขณะที่ความคืบหน้าการสอบปากคำตำรวจ 6 นาย ที่เป็นชุดจับกุม และเป็นพยานในคดีนี้ ทั้งหมดรับว่าเป็นชุดจับกุม แต่ส่งมอบผู้ถูกกล่าวหาคดียาเสพติดให้ชุดจับกุมของอดีต ผกก.โจ้ไปขยายผลแล้ว ทำให้การสอบสวนเบื้องต้น ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เหยื่อในคดียาเสพติดเสียชีวิต


คดีนี้ต้องเกาะติด เพราะช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 6 กันยายนนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบจะนำตัว อดีต ผกก.โจ้ และพวก ยื่นฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และช่วงบ่าย พลตำรวจเอกสุชาติ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี จะเรียกคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดประชุมกันที่กองปราบ โดยมีรายงานว่า พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 7 กันยายน

อีกประเด็นที่ให้จับตา คือ การพลิกลิ้นของอดีต ผกก.โจ้ ที่นอกจากเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ที่นำเสนอข่าวไปว่า นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 เปิดเผยภายหลังเข้าสอบปากคำอดีต ผกก.โจ้ ในเรือนจำพิษณุโลก แล้ว เจ้าตัวยืนยันให้การภาคเสธ โดยอ้างว่า ทำจริง แต่ไม่มีเจตนาฆ่า แค่ต้องการเค้นข้อมูล ล่าสุด มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วงกลางดึกก่อนอดีต ผกก.โจ้ จะถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ ชุดสืบสวนได้ไปสอบปากคำอดีต ผกก.โจ้ เพิ่มเติม ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ปรากฏว่า อดีต ผกก.โจ้ ปฏิเสธคำให้การเดิม ที่เคยให้ปากคำไว้กับตำรวจในครั้งแรกทั้งหมดอีกครั้ง โดยอ้างว่าการสอบปากคำที่กองบังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ไม่ได้เซ็นชื่อรับทราบข้อกล่าวหา

ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายของอดีต ผกก.โจ้ ยืนยันว่า ตอนนี้ อดีต ผกก.โจ้ ยังแข็งแรงดีทั้งร่างกายและจิตใจ แม้จะซูบผอมไปบ้าง แต่อาจเป็นเพราะทุกข์ใจ ทำให้กินข้าวได้น้อย นอกจากนี้ตัว ผกก.โจ้ ยังยืนยันว่า ไม่เคยป่วย หรือต้องเข้ารับการรักษาอาการไบโพลาร์ และที่ตำรวจค้นห้องพักในคอนโดเจอยาคลายเครียดก็มองว่าเป็นเรื่องธรรดา คนเราเครียดกันได้ รวมถึงย้ำว่า การที่มีข้อมูลว่าพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยการทรมาน เป็นสิทธิของพนักงานสอบสวน แต่ทางทนายก็จะสู้ในประเด็นว่า อาจจริงอยู่ที่มีการนำถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ตายจนขาดอากาศหายใจ แต่น่าจะเป็นการพลั้งมือ ซึ่งประเด็นนี้ อดีต ผกก.โจ้ ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาฆ่าแน่นอน ส่วนการยื่นขอประกันตัวอดีต ผกก.โจ้ ตอนนี้คงต้องชะลอไว้ก่อน เพราะคดีนี้ สังคมให้ความสนใจ และมีผู้ต้องหารายอื่นที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมด้วย

ส่วนความคืบหน้าเรื่องรถหรูของอดีต ผกก.โจ้ นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร ยืนยัน การตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี พบว่ามีรถยนต์ที่อดีต ผกก.โจ้ จับกุมนำส่งกรมศุลกากร 368 คัน เช่น เบนซ์ บีเอ็ม เบลเล ปอร์เช เฟอรารี โดยรถทุกคันตรวจสอบแล้ว มีกล่องสมองกล หรือ กล่อง ECU ครบทุกคัน ไม่ปรากฏคันที่ถูกถอดออก เพื่อด้อยค่ารถให้ราคาถูกลงตามที่ปรากฏเป็นข่าว และรถที่อดีต ผกก.โจ้ ไปจับมาถูกนำไปประมูลแล้ว 363 คัน เหลือตกค้างอีกแค่ 5 คัน ซึ่งตรวจสอบลึกลงไปไม่พบชื่อของอดีต ผกก.โจ้ มายื่นประมูล แต่จะมีนอมินี มาแทนหรือไม่ ตรวจสอบไม่ได้ สอดคล้องกับข้อมูลของพันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ ที่ยืนยันว่า ดีเอสไอ ไม่เคยพบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว ตามที่มีกระแสข่าวว่าเป็นพฤติการณ์ของอดีต ผกก.โจ้ แต่ยอมรับว่าในวงการรถมีการพูดถึงวิธีนี้อยู่บ้าง แต่ดีเอสไอไม่มีข้อมูล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]