ค้นคอนโดอดีต ผกก.โจ้ พบอุปกรณ์เสพยา – ยาบางชนิด

นครสวรรค์ 2 ก.ย.-อัยการเดินหน้าสอบอดีต ผกก.โจ้ และพวก ถึงเรือนจำพิษณุโลก หลังตำรวจค้นคอนโดและบ้านผู้ต้องหาทั้ง 7 คน เจอสิ่งของที่นำไปขยายผลเชื่อมโยงพฤติกรรมแห่งคดีได้


คดีพันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาเสียชีวิต กองปราบ และตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ยังเดินหน้าหาหลักฐานเชื่อมโยงพฤติการณ์ของอดีต ผกก.โจ้และพวก โดยเฉพาะประเด็นที่อดีต ผกก.โจ้ อ้างว่าเป็นไบโพลาร์ รวมถึงประเด็นยาเสพติดที่อาจมีซุกซ่อนอยู่ ซึ่งล่าสุด กองปราบ บุกค้นคอนโดของอดีต ผกก.โจ้ ที่ใช้พักขณะทำงานอยู่ในตัวเมืองนครสวรรค์ โดยคอนโดนี้อยู่ใจกลางเมืองนครสวรรค์ ริมอุทยานสวรรค์ ความสูง 8 ชั้น ห้อง อดีต ผกก.โจ้ มีขนาด 32 ตารางเมตร เจ้าตัวเช่าพักเดือนละ 6,500 บาท มาตั้งแต่ปลายปี 63 แต่ไม่กี่วันก่อน ญาติๆ มาขอยกเลิกสัญญาเช่าไปแล้ว ส่วนภายในห้องมีอุปกรณ์เครื่องใช้อำนวยความสะดวกแบบเรียบง่าย แค่เตียง ตู้เสื้อผ้า ทีวี ส่วนการตรวจค้นของใช้ส่วนตัว พบอุปกรณ์เสพยา เศษผงยาเสพติด และยาบรรจุซองวางอยู่ โดยมีรายงานว่า ยาที่พบ เป็นยาคลายเครียด ยาขยายหลอดเลือด ลดความดัน และยาพ่นรักษาภูมิแพ้

ขณะที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครสวรรค์ เปิดปฏิบัติการรุ่งสาง ตามคำสั่งของ พลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. นำกำลังบุกค้นบ้านของตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ชุด 05 ที่ถูกจับในคดีอดีต ผกก.โจ้ โดยเฉพาะบ้านของดาบตำรวจวิสุทธิ์ บุญเขียว ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ดาบโบ้ นอกจากจะอยู่แฟลตตำรวจที่อยู่หลังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแล้ว ยังมีบ้านพักอีกแห่งในตำบลหนองกระโดนด้วย ซึ่งการตรวจค้นพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่จำนวนหนึ่ง


ส่วนความเคลื่อนไหวที่พิษณุโลก นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 พลตำรวจตรี ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการภาค 6 และพันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม พร้อมด้วยทนายฝั่งผู้ต้องหา บุกเรือนจำพิษณุโลก เพื่อสอบปากคำอดีต ผกก.โจ้ และพวก เพราะตามหลักเมื่อคดีมีการชันสูตรพลิกศพ หรือมีใครเสียชีวิตระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องสอบสวนโดยพนักงานอัยการ ร่วมกับ พนักงานสอบสวน เนื่องจากสำนวนคดีที่แจ้งความไว้เป็นการกระทำโดยพนักงานของเจ้าพนักงานสอบสวนเพียงฝ่ายเดียว พนักงานอัยการยังไม่มีส่วนร่วมด้วย อัยการจึงต้องมาร่วมสอบสวนให้ครบตามกระบวนการ และภายหลังสอบสวนเสร็จสิ้น รองอธิบดีอัยการภาค 6 ให้ข้อมูลว่ากับนักข่าวว่า วันนี้ อดีต ผกก.โจ้ พร้อมพวก ยังอยู่ในอาการสงบ ไม่มีอาการเครียด เหมือนวันแรกๆ ทุกคนให้ความร่วมมือในการสอบสวนเป็นอย่างดี

ส่วนการให้ปากคำ อดีต ผกก.โจ้ ยังยืนยันให้การภาคเสธ โดยบอกว่า กระทำจริง แต่อ้างว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่า แค่ต้องการเค้นข้อมูล ซึ่งการให้ปากคำลักษณะนี้ เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ทางอัยการยืนยันว่า การสอบสวนครั้งนี้ไม่ใช่การเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เมื่อได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วว่า ฆ่าคนตายโดยเจตนา เล็งเห็นผลโดยทารุณโหดร้ายและทนทุกข์ทรมาน หลักการตามกฎหมายยังอยู่เหมือนเดิม เพราะการพิจารณาของอัยการ และตำรวจจะดูว่าพยานหลักฐานที่ปรากฏมีลักษณะของการเจตนาที่จะฆ่าจริงหรือไม่ มีลักษณะทารุณโหดร้ายจริงหรือไม่ เจ้าหน้าที่ดูที่เจตนา และ “กรรม” หรือการกระทำ เป็นเครื่องชี้เจตนา

นอกจากนี้ รองอธิบดีอัยการภาค 6 ยังอธิบายแบบละเอียดอีกครั้งถึงพฤติการณ์ของอดีต ผกก.โจ้ ว่าตามหลักฐานที่ปรากฏ ทำไมใช้ถุงคลุมศีรษะเหยื่อถึง 6 ชั้น มีการขันชะเนาะหลายรอบ ทำให้รอบคอมีรอยแดง ซึ่งเป็นลักษณะการใช้ความรุนแรง ส่วนประเด็นไบโพลาร์ ท่านอธิบายชัด และยืนยันว่า ไม่ว่าผู้ต้องหาจะกล่าวอ้างว่าอย่างไร จะปฏิเสธอย่างไร แต่เจ้าหน้าที่เชื่อในหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อในข้อมูลของแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีหน้าที่โดยตรง ไม่ใช่คำกล่าวอ้างลอยๆ ของผู้ต้องหา ฟังแล้วค่อนข้างชัดเจน แต่คดีจะพลิกอีกหรือไม่ ต้องรอติดตาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า กำลังเร่งทำสำนวนการสอบสวน และชันสูตรพลิกศพให้เสร็จ คาดไม่เกิน 30 วัน สามารถส่งสำนวนต่อศาลให้พิจารณาคดีได้ ส่วนข้อกล่าวหา ย้ำว่ายัง 3 ข้อเหมือนเดิม คือ ฆ่าคนตายโดยทรมานโหดร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุแก่ความตาย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยกฎหมาย


ส่วนความเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยังมีข้อสงสัยหลายประเด็น วันนี้ กมธ.กฎหมาย ที่มีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธาน จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง นำทีมโดยพลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พลตำรวจตรี ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ และแพทย์นิติเวช เข้าร่วม

ทันทีที่เริ่มประชุม นายสิระ ได้สอบถามตำรวจว่า คดีนี้ มีการช่วยเหลือผู้ต้องหาในระหว่างดำเนินการจับกุมหรือไม่ ซึ่งพลตำรวจเอกสุชาติ ยืนยันคดีนี้ดำเนินการทุกอย่างตามกฏหมาย ไม่ได้ช่วยเหลือผู้กระทำผิด ขณะที่ พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ยอมรับเคยพบ และรู้จักกับ อดีต ผกก.โจ้ มาก่อนบ้าง แต่ไม่ได้สนิท พร้อมย้ำคำเดิมคืนก่อนมอบตัว อดีต ผกก.โจ้ ได้โทรมาหาและร้องไห้บอกว่าอยากตาย ทำให้ต้องบอกไปว่า อย่าคิดสั้นควรต้องรับผิดชอบ ส่วนเรื่องป้ายทะเบียนยอมรับไม่ได้โฟกัสจริงๆ เพราะสมาธิอยู่ที่ตัวผู้ต้องหา

ส่วนนายน้ำแท้ มีบุญสล้าง ผอ.สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาการสอบสวนฯ และดำเนินคดี สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงประเด็นการเสียชีวิตของเหยื่อ ว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 กำหนดให้พนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการทันที แต่ตำรวจที่ทำคดีนี้ไม่ได้ดำเนินการทันที เมื่ออัยการลงไปทำคดี จึงสั่งให้ชันสูตรใหม่ทั้งหมด เพราะที่ทำมานั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนับว่า โชคดีที่แพทย์ทำรายงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แม้ว่าจะได้รับคำให้การเท็จมาจากตำรวจในตอนแรก และยังโชคดีที่แพทย์ได้ผ่าพิสูจน์ไว้อย่างละเอียด ทำให้การชันสูตรใหม่ ผลออกมาสอดคล้องกับพยานหลักฐาน และกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ

เรื่องคดีก็ต้องตามกันต่อ แต่ประมวลจริยธรรมข้าราชการตำรวจ ที่เว็บไซต์ราชกิจจาเผยแพร่ มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งรายละเอียดมี 5 ข้อใหญ่ 7 ข้อย่อย โดยข้อใหญ่ที่น่าสนใจ คือ ข้อ 2 ที่เป็นประเด็นในการรักษาจริยธรรม มีการระบุไว้ว่า ต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ ด้วยการแสดงออกถึงความภูมิใจในชาติและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่แสดงออกถึงพฤติกรรมที่มีนัยเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ กล้าตัดสินใจและยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม กล้าคัดค้าน และแก้ไขสิ่งไม่ถูกต้องตามอำนาจหน้าที่ ไม่คบหาหรือให้การสนับสนุนผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม ปราศจากอคติ ดำรงตนเป็นแบบอย่างด้วยการเป็นข้าราชการที่ดี รักษาภาพลักษณ์ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

South Korea's presidential election voting place

เกาหลีใต้เลือกตั้ง ปธน.หลังการเมืองวุ่นหลายเดือน

โซล 3 มิ.ย.- ชาวเกาหลีใต้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้ หลังจากการเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 44.39 ล้านคน ในเกาหลีใต้เริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทั่วประเทศในวันนี้ ที่เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ส่งกำลังตำรวจทั้งหมด 28,590 นายไปประจำการตามคูหาเลือกตั้งทั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย การลงคะแนนจะเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะทราบผลเลือกตั้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังปิดหีบ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่แล้ว มีการจัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนมากกว่า 15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34.74 สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ปี 2557 การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2570 หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองนานหลายเดือน จากการที่นายยุน ซ็อก ยอล อดีตประธานาธิบดี ประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้เขาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงประชามติต่อการกระทำของนายยุน มากกว่าการชูนโยบายแข่งขันกันของผู้สมัครชิงตำแหน่ง […]

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

นายกฯ นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.- นายกฯ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตรพระสงฆ์ 148 รูป ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อเวลา 07.30 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 148 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระและคู่สมรส รองนายกรัฐมนตรีและภริยา รัฐมนตรีว่าการผู้บริหารหน่วยราชการในพระองค์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการทหารและตำรวจ พร้อมภริยา และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงปะรำพิธี พระสงฆ์จำนวน 10 รูป ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ จากนั้น […]

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย