ภูมิภาค 30 ส.ค. – โควิดพรากยายวัย 75 ปี ไปจากคุณตาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา 30 ปี เศร้าไปเผาศพไม่ได้ คุณตาทำได้เพียงขอเจ้าหน้าที่เคาะโลงศพยายสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนที่ จ.นนทบุรี พ่อแม่ติดโควิดเสียชีวิตในโรงพยาบาล เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ถูกมือดีขโมยทรัพย์สินกว่า 600,000 บาท
ผู้เสียหายรายนี้ เล่าว่า พ่อกับแม่ติดโควิดทั้งคู่ และถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ต่อมาพ่อเสียชีวิต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้เก็บทรัพย์สินของพ่อ ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 5 องค์ เงินสด 6,000 บาท บัตร ATM บัตรประชาชน กุญแจบ้าน มาฝากไว้ในกระเป๋าแม่ที่ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่ถ่ายรูปทรัพย์สินทั้งหมดเป็นหลักฐานส่งให้ตนดูเพื่อความสบายใจ และเเจ้งว่าจะเก็บเอาไว้ให้ ส่วนทรัพย์สินในกระเป๋าของแม่มีสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พระเลี่ยมทองหลวงปู่ทวดอีก 1 องค์ เจ้าหน้าที่ก็เก็บรวมกันไว้ทั้งหมด
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ทราบจากแม่ว่าทรัพย์สินทั้งหมดในกระเป๋า ซึ่งวางอยู่ภายในห้อง หายไปโดยไม่ทราบว่าใครเอาไป หลังเกิดเหตุจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด และติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้รับคำตอบว่าจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง และสืบสวนเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เข้าออกห้องคนไข้ เนื่องจากคนที่จะเข้าออกได้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่และต้องสวมชุด PPE เท่านั้น จึงจะเข้าไปในห้องได้
ปรากฏว่าไม่เจอเจ้าหน้าที่ที่ผิดสังเกตในกล้องวงจรปิด เเละไม่สามารถเรียกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในห้องคนไข้ได้ทุกคน ทางโรงพยาบาลจะไปแจ้งความให้ตำรวจตามจับคนร้ายให้
หลังจากแม่ทราบว่าทรัพย์สินของตัวเอง รวมทั้งของพ่อหายไป ทำให้แม่เสียใจมากจนอาการทรุดหนัก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงอยากให้โรงพยาบาลช่วยติดตามทรัพย์สินพ่อแม่ที่ถูกขโมยไป ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวก็บริจาคเครื่องไฮโฟร์ (เครื่องช่วยหายใจ) มูลค่า 200,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่โควิด
ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีคุณยายอายุ 75 ปี เสียชีวิตจากโควิดอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ พร้อมนำศพไปเผาที่วัด คุณตาวัย 89 ปี สามี กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า ตนเองอยู่กับยาย 2 คนตามลำพังมา 30 ปี ไม่เคยห่างกัน เพราะลูกบวชเป็นพระ ยายเป็นลูกจ้างรับตัดหญ้าของสถานที่ราชการแห่งหนึ่งในเมืองอยุธยา มีอาการป่วย เจ้าหน้าที่จึงพาตัวไปตรวจ พบว่ายายติดโควิด เจ้าหน้าที่จึงให้กลับมาอยู่บ้านได้ 7 วัน ก็เสียชีวิต ส่วนตนเองไม่พบเชื้อ จึงแยกลงมานอนใต้ถุนบ้าน และไม่กล้าขึ้นไปดู ได้แต่ตะโกนถามอาการ ยายก็บอกว่าไม่เป็นไร ยังทนได้ แต่คืนสุดท้ายตะโกนถามยายไม่ตอบ เลยตัดสินใจขึ้นไปดูในตอนเช้า พบว่ายายนอนแข็งไปแล้ว
โดยยังไม่ได้ร่ำลา และยังไม่ได้ไปเผาคนรักที่อยู่กันมายาวนาน ทำได้เพียงขอเจ้าหน้าที่เคาะโลงศพยายสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย.-สำนักข่าวไทย