กาฬสินธุ์ 19 ส.ค.-ตำรวจ เร่งสอบปากคำเพิ่มเติม แม่และพ่อเลี้ยงเด็กหญิงวัยขวบเศษเสียชีวิตปริศนา พบพิรุธส่อถูกล่วงละเมิด ด้านผู้การกาฬสินธุ์ ระบุมีประวัติเสพยาทั้งสองคน ส่วนพ่อเลี้ยงยอมรับเคยทำร้ายร่างกายเด็ก
จากกรณีเด็กหญิงวัย 1 ขวบเศษ อยู่ในพื้นที่ ต.โนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตอย่างปริศนาโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาลสมเด็จ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ก่อนที่พนักงานสอบสวน สภ.สมเด็จ ร่วมกับทีมแพทย์ทำการชันสูตร แต่กลับพบความสงสัยในการเสียชีวิต และตรวจตามร่างกายพบวัตถุสงสัย ซึ่งเป็นขนเพชรอยู่ในช่องคลอด และอวัยวะเพศมีร่องรอยคล้ายถูกกระทำชำเราก่อนเสียชีวิต แต่ทางญาติกลับไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงอายัดศพเด็กไว้พร้อมกับส่งไปชันสูตรศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 7 ขอนแก่น เพื่อหาร่องรอยต่างๆ และสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด
ล่าสุดบ่ายวานนี้ (18 ส.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.สมเด็จ ได้เรียกตัวหญิงอายุ 22 ปี ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของเด็ก และพ่อเลี้ยงของเด็ก อายุ 25 ปี รวมทั้งยายและเพื่อนบ้านรวม 4 คน มาสอบปากคำอย่างละเอียดเพิ่มเติม หลังจากพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแม่ และพ่อเลี้ยงของเด็กไปเบื้องต้นแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ที่มาร่วมสอบปากคำ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่า พ่อเลี้ยงและแม่ของเด็ก มีประวัติเสพยาเสพติด และจากการตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติด ซึ่งพ่อเลี้ยงยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยทำร้ายลูกเลี้ยงบ่อยครั้ง เพราะรำคาญที่เด็กมักอาเจียนและร้องไห้ส่งเสียงดัง ส่วนแม่เด็ก ยังให้การค่อนข้างวกวน คาดว่ายังเมายาเสพติด พร้อมอ้างว่าก่อนเกิดเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นเอง ยืนยันไม่มีใครกระทำชำเราลูก ส่วนขนเพชรที่พบในอวัยวะเพศเด็ก น่าจะเป็นของตัวเอง เพราะได้โกนออกขณะอยู่กับลูก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีพ่อเลี้ยงและแม่เด็กในข้อหาเสพยาเสพติด และได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นกับพ่อเลี้ยงไว้ก่อน ส่วนจะเป็นการเข้าข่ายข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่นั้น จะต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์อย่างเป็นทางการ ซึ่งผลจะออกภายใน 45 วัน
ขณะที่ศพของเด็กหญิงวัยขวบเศษญาติ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปชันสูตร และญาติได้นำกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิดใน ต.หมูม่น อ.สมเด็จ ซึ่งทางญาติไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ โดยระบุว่าทุกอย่างอยู่ที่ผลการชันสูตรของแพทย์ ส่วนคดีจะเป็นอย่างไรขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม.-สำนักข่าวไทย