นนทบุรี 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี ออกหมายเรียกคู่กรณีทำร้ายพ่อแม่ดารา พบพนักงานสอบสวน 10 ส.ค. นี้ ส่วนมีข่าวว่ามีคนพยายามกดดันการทำงานของตำรวจไม่เป็นความจริง ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
จากกรณีนายสุรศักดิ์ พุ่มโพธิงาม อายุ 58 ปี และนางนฤมล อริยานุวัฒน์ อายุ 47 ปี พ่อแม่ดาราหนุ่ม “ไวท์ “ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม ถูกคูกรณีขับรถปาดหน้าแล้วเบรกหยุดรถกะทันหัน ทำให้รถพ่อดาราเบรกไม่ทันพุ่งชนท้าย เหตุเกิดบนถนราชพฤกษ์ ก่อนข้ามสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี หลังจากนั้นคนขับลงจากรถเข้ามาชกต่อยพ่อดารา จึงเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกัน และยังตบหน้าแม่ดาราอีกด้วย เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปแจ้งความ สน.บางกรวย
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสุรศักดิ์ พุ่มโพธิงาม นางนฤมล อริยะนุวัฒน์ และนายณวัชร์ พุ่มโพธิงาม พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามความคืบหน้าเรื่องคดีกับ พ.ต.อ.ศิวัช ศรีวิชัย ผู้กำกับ สภ.บางกรวย บอกว่าวันนี้ได้เรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก 1 ปาก หลังสอบเสร็จทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานทั้งหมด พร้อมออกหมายเรียกให้คู่กรณีมาพบพนักงานสอบสวน
ล่าสุดทางคู่กรณีได้ให้คนสนิทติดต่อประสานมาทางพนักงานสอบสวนว่าจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เรื่องเวลาเขาจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง ส่วนที่มีข่าวว่ามีคนพยายามจะกดดันการทำงานของตำรวจนั้นไม่เป็นความจริง ทางตำรวจยังไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณีเลย แม้กระทั่งคนในครอบครัวของคู่กรณี มีเพียงคนสนิทของคู่กรณีเท่านั้นที่ติดต่อประสานมาเข้ามา
สำหรับเรื่องนี้ทางตน รวมทั้งพนักงานสอบสวน ไม่รู้สึกหนักใจ เราจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ใครผิดก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า กรณีวิวาททำร้ายร่างกายบริเวณถนนราชพฤกษ์ ที่มีการกล่าวอ้างว่าคู่กรณีเป็นลูกของบุคลากรศาลยุติธรรมนั้น เมื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคลและมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินคดีตามกฎหมาย ในเรื่องนี้ศาลยุติธรรมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และจะไม่มีบุคลากรคนใดใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบได้ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยศาลยุติธรรมพิจารณาพิพากษาคดีด้วยความเป็นกลางอย่างอิสระ ไม่ว่าคู่ความจะเป็นใคร ต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมและเป็นธรรม ยืนหยัดบนความถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย