ส่ง 135 ผู้ติดเชื้อ กลับไปรักษาที่ภูมิลำเนา 7 จังหวัด

ภูมิภาค 28 ก.ค.-ผู้ป่วยโควิด กลุ่มสีเขียวที่เดินทางโดยขบวนรถไฟขบวนพิเศษ 971 กลับภูมิลำเนา 7 จังหวัดอีสานใต้ วันแรก 135 คน ทยอยเดินทางถึงภูมิลำเนาแล้ว ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยจากหน่วยงานในพื้นที่อย่างเข้มงวด


หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางไปที่สถานีรถไฟรังสิต จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมระบบส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการสีเขียว ที่ไม่มีอาการป่วยหรือมีอาการเล็กน้อยกลับภูมิลำเนา ตามเส้นทางของการรถไฟไปยังเส้นทางจังหวัดในภาคอีสานใต้ ตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ

นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากการเดินทางอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมงานกระทรวงสาธารณสุข มีแพทย์ร่วมเดินทาง 10 คน แบ่งเป็น 2 ทีม เมื่อไปถึงแต่ละสถานีปลายทางจะมีรถพยาบาลพร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาลในเครือข่ายมารับจากสถานีรถไฟไปสู่สถานพยาบาลในพื้นที่ปลายทาง มั่นใจ 100% เชื้อไม่กระจายสู่ภายนอก เพราะเป็นระบบเส้นทางปิด (Seal route)


ทั้งนี้ก่อนจะนำผู้ป่วยไปส่งถึงปลายทาง ทางต้นทางจะส่งรายชื่อผู้ป่วยให้ปลายทางเตรียมรถพยาบาลเตรียมเตียงไว้รอเพื่อนำผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาไปรักษาอย่างปลอดภัย หากเป็นการเดินทางระยะไกล มีการหารือกับท่านนายกรัฐมนตรี ว่า ต้องใช้อากาศยานก็ให้ประสานกับทางกองทัพ ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ระบาดมากอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งเราพยายามใช้เครือข่ายทุกอย่างที่มีเพื่อดูแลผู้ป่วย แม้ว่าบุคลากรสาธารณสุขต้องรับภาระงานเต็มมือแต่เราไม่สามารถทอดทิ้งผู้ป่วยได้ ต้องทำสุดความสามารถให้ผู้ป่วยทุกคนได้เข้าถึงมือแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการสีเหลือง สีแดง

จ.สุรินทร์ รับผู้ป่วยโควิดกลับบ้านแล้ว 1 คน

ขบวนรถไฟขบวนพิเศษขบวนที่ 971 เดินทางมาถึงจังหวัดสุรินทร์ และจอดส่งผู้ป่วยโควิด ที่สถานีลำชี เมื่อเวลา 18.30 น. ซึ่งจังหวัดมีรถรับ-ส่ง ต่อ ไปยังจุดคัดกรองในศูนย์ศิลปชีพอีสานใต้ ถนนเลี่ยงเมือง เพื่อทำการคัดกรองตามมาตรการ ก่อนส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ทั้งนี้ มีชาวสุรินทร์ประสงค์ ขอกลับภูมิลำเนา 16 คน แต่พบว่ามาแค่ 1 คน เป็นชาว ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี ขณะที่ยอดผู้ประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนา ติดต่อเข้ามาที่ศูนย์ประสานงานรับ-ส่งผู้ป่วยโควิด ที่ต้องการเดินทางกลับมารักษาตัวที่บ้านใน จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เปิดศูนย์ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ประสงค์ขอเดินทางกลับบ้านวันละ 100 กว่าคน รวมแล้วประมาณ 1,000 คนแล้ว


รับผู้ป่วยโควิด 2 คนกลับศรีสะเกษ

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.เมืองศรีสะเกษ และฝ่ายปกครอง เตรียมรับผู้ป่วยโควิด-19 จากขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษที่ 971จากสถานีรังสิต โดยมาถึง สถานีศรีษะเกษ ที่สถานีบ้านหนองแวง ต.โพนเขวา อ.เมือง เมื่อเวลา 20.00 น. ก่อนส่งโรงพยาบาลอำเภอพยุห์โดยทันที ทั้งนี้ผู้ป่วย 2 คน เป็นผู้สูงอายุ อายุ 60 ปี และ 65 ปี เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว เป็นชาวอำเภอพยุห์ และอำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ ทำงานที่กรุงเทพฯ ก่อนจะติดเชื้อโควิด 19 และขอความประสงค์กลับบ้านเกิด สำหรับ จ.ศรีสะเกษ มีการลงทะเบียนกลับมารักษาตัวผ่านสายด่วนกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 303 คน
แต่ส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับมาแล้ว บางคนรับการรักษาที่กรุงเทพฯ จึงเหลือผู้ป่วยชาวศรีสะเกษ 2 คน

จ.อุบลราชธานี ระดมเจ้าหน้าที่รับผู้ป่วยโควิด 22 คนกลับบ้าน

ที่จังหวัดอุบลราชธานี รถไฟขบวนพิเศษ ส่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ชุดแรก เดินทางมาถึงสถานีปลายทางอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลาประมาณ 20.45 น. วานนี้ (27 ก.ค.) มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมทีมสาธารณสุขจังหวัด ทหารหน่วยยานพาหนะมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ นำรถบรรทุกทหาร 3 คัน จอดรับผู้ป่วยติดเชื้อกลุ่มสีเขียว รวม 22 คน โดยเมื่อขบวนรถแล่นเข้าจอดในชานชาลาที่ 1 ติดกับประตูทางออกด้านทิศตะวันตกของสถานี เจ้าหน้าที่ได้คัดแยกผู้ป่วย และสัมภาระตามภูมิลำเนาที่อยู่เป็น 3 กลุ่ม ก่อนส่งขึ้นรถบรรทุกทหาร ส่งต่อไปยังศูนย์ดูแลชุมชน จากนั้นสาธารณสุขเทศบาลเมืองวารินชำราบ ได้นำอุปกรณ์ขึ้นฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในโบกี้โดยสาร ทั้งหมดส่วนขบวนไฟ จะจอดพักแยกออกจากขบวนรถไฟอื่นๆ ก่อนคนขับจะตีรถเปล่ากลับเข้ากรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น โดยไม่ใช้รับผู้โดยสารอื่นแต่อย่างใด

สถานีรถไฟเชียงใหม่ พร้อมรับผู้ป่วยโควิดกลับภูมิลำเนา

ส่วนที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ นายสถานีรถไฟ เปิดเผยถึงความพร้อมของสถานีรถไฟเชียงใหม่ ที่เป็นปลายทางรับผู้ป่วยโควิคจากกรุงเทพฯ ขบวนพิเศษภาคเหนือ นำผู้ป่วยจากกรุงเทพฯ กลับมารักษาตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการเตรียมการความพร้อม ร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสาธารณสุข และทหาร หลังลงจากขบวนรถไฟ และให้ออกประตูด้านหลังสถานี ไปขึ้นรถที่ทหารจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อส่งยังโรงพยาบาลสนาม จากนั้นจะทำความสะอาดบนขบวนรถไฟ ตามมาตรการทางสาธารณสุข และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ที่จะใช้บริการรถไฟว่าปลอดภัย ซึ่งเส้นทางภาคเหนือ ยังเปิดให้บริการวันละ 1 ขบวน ส่วนขบวนพิเศษของผู้ป่วยโควิด-19 ต้องรอการยืนยันอีกครั้งว่าจะมีการนำผู้ป่วยมาส่งวันเวลาใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย