บุรีรัมย์ 26 ก.ค. – ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ แจงปมดราม่าตำรวจ 11 นาย สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ฉีดวัคซีนเข็ม 3 เหตุทำงานด่านหน้า ขับรถรับ-ส่งผู้ป่วยจากพื้นที่เสี่ยงกลับบ้าน ยืนยันวัคซีนที่ฉีดเป็นคนละส่วนกัน ไม่ได้เบียดบังโควตาบุคลากรทางการแพทย์
ความคืบหน้ากรณีสถานีตำรวจภูธรบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่าเจ้าหน้าที่ 11 นาย ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็ม 3 จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ถึงความเหลื่อมล้ำในการจัดสรรและให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
วันนี้ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ได้จัดทำโครงการ “ทำดีด้วยหัวใจสู้ภัยโควิดด้วยศรัทธา” ด้วยการจัดรถและตำรวจบริการรับส่งผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงกลับภูมิลำเนา ซึ่งมีสถานีตำรวจภูธรในสังกัด 9 แห่ง จากทั้งหมด 34 สภ. สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยแต่ละ สภ. ที่เข้าร่วมโครงการจะมีตำรวจอาสาเข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจ การฉีดวัคซีนให้กับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในโครงการดังกล่าว ยืนยันไม่ได้เบียดบังโควตาของบุคลาการทางการแพทย์ แต่จำนวนวัคซีนที่ลงไปเป็นวัคซีนในส่วนของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ส่วนหนึ่ง กับกลุ่มเสี่ยงอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งวัคซีนขวดหนึ่งสามารถแบ่งฉีดได้ 10-12 โดส และโดยทั่วไปบุคลากรทางการแพทย์สามารถบริหารส่วนนี้ได้ ส่วนที่เป็นเศษ 1 หรือ 2 ได้ ซึ่งกรณีที่มีเศษ เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่าตำรวจก็มีส่วนเป็นด่านหน้าเช่นเดียวกับสาธารณสุข แต่ละอำเภอก็รู้ว่ามีใคร ตำรวจคนไหนเข้าร่วมโครงการ จึงประสานกันไว้ให้ตำรวจทั้ง 11 นาย ได้เข้าไปฉีด ทั้ง 9 โรงพักที่เข้าร่วมโครงการมีตำรวจด่านหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 11 นาย ในส่วน สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ที่เป็นกระแสข่าว และในส่วนอีก 8 โรงพักที่เหลือ ถ้าวัคซีนมีเศษเหลือซึ่งไม่เกี่ยวข้องหรือเบียดบังโควตาบุคลากรทางการแพทย์
ด้าน พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และโฆษก ภ.3 ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ผกก.สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ได้ทำหนังสือรายงานข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ได้ประสานให้ช่วยจัดตำรวจจิตอาสาขับรถรับส่งผู้ติดเชื้อไปรักษาที่สถานพยาบาล และรับส่งผู้ติดเชื้อจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล กลับมารักษาต่อที่บุรีรัมย์ ซึ่งสำรวจแล้วมีตำรวจ 11 นาย จึงแจ้งสาธารณสุข จากนั้นวันที่ 23 ก.ค. สาธารณสุขนำวัคซีนมาฉีดให้ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันโรคก่อนปฏิบัติหน้าที่
ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ออกหนังสือชี้แจงเรื่องการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มที่ 3 ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ในการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้า ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง ได้จัดเตรียมวัคซีน 7,964 โดส ไว้ฉีดให้กับกลุ่มนี้แล้ว เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและความปลอดภัยให้แก่บุคลากรด่านหน้า.-สำนักข่าวไทย