เชียงใหม่คุมเข้มขนส่งสาธารณะ

เชียงใหม่ 14 ก.ค. – เชียงใหม่คุมเข้มขนส่งสาธารณะทุกเส้นทาง ป้องกันและควบคุมโรคโควิด ขณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ แห่งที่ 3 แทบร้าง ประชาชนเดินทางน้อยมาก ส่วนคลัสเตอร์แม่บ้านลำปาง มีผู้ติดเชื้อแล้ว 10 ราย กักตัวเกือบ 300 ราย


ที่สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ แห่งที่ 3 บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา หรือแทบร้าง มีผู้โดยสารมาใช้บริการน้อยมาก เจ้าหน้าที่ยังคงคุมเข้มประชาชนที่เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะมาจาก 10 จังหวัดสีแดงเข้มงวด ในการคัดกรอง ทั้งตรวจวัดไข้ และสวอป เพื่อป้องกันโรคโควิดเข้ามาในพื้นที่ ส่วนผู้โดยสารที่จะเดินทางเส้นทางสายเหนือระยะสั้น มีการปรับลดจำนวนที่นั่งผู้โดยสารจากกว่า 30 คน ลดลงเหลือที่นั่งไม่เกิน 20 คน ในการนั่งเว้นระยะห่าง และมีผู้โดยสารเดินทางไม่มาก จากเดิมวิ่งวันละกว่า 60 เที่ยว ลดลงเหลือแค่ 7 เที่ยวต่อวัน และมีการคัดกรองอย่างเข้มงวดก่อนขึ้นรถ ทั้งตรวจวัดไข้ ลงทะเบียนประวัติ ให้สวมหน้ากากอนามัย และให้สแกนคิวอาร์โค้ด ส่วนรถโดยสารสาธารณะ เส้นทางสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ แห่งที่ 3 เวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ไม่มีผู้โดยสารแม้แต่รายเดียว จากสถานีต้นทาง ต้องวิ่งรถเปล่าออกไป

นายกฤษดา กองปินตา พนักงานขับรถ บอกว่าเงียบเหงามากที่สุด จากเดิมเส้นทางนี้วิ่งวันละ 16 เที่ยว ลดลงเหลือเพียง 4 เที่ยวต่อวัน และวันนี้เป็นครั้งแรกที่ต้องวิ่งรถเปล่าออกจากสถานี ไม่มีผู้โดยสารแม้แต่คนเดียว


ตลอดเส้นทางรถยนต์มีการตั้งด่านตรวจคัดกรองรถยนต์ที่วิ่งมาจากต่างจังหวัด บริเวณถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ใต้ทางลอดดอนจั่น ขาเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ยังคงมีรถยนต์หนาแน่น เจ้าหน้าที่คัดกรอง โดยให้สแกนคิวอาร์โค้ด CM ชนะ ทุกคัน หากไม่สามารถลงคิวอาร์โค้ดได้ จะให้กรอกประวัติอย่างละเอียดในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อเป็นการควบคุมโรค ขณะที่วันนี้เชียงใหม่ยังพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 48 ราย สูงสุดในรอบสัปดาห์ ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสม 4,484 ราย รักษาหาย 4,174 ราย นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 276 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 27 ราย

พบผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์แม่บ้านลำปาง 10 ราย กักตัวเกือบ 300 ราย
ส่วนที่จังหวัดลำปาง จากกรณีผู้ป่วยรายที่ 243 เพศหญิง อายุ 42 ปี ภูมิลำเนาอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง อาชีพ แม่บ้านและพนักงานบริการโรงแรมอัลมาน่า จังหวัดนนทบุรี

โดยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 เดินทางกลับลำปางกับเพื่อน 3 คน โดยรถยนต์ส่วนตัว ได้แวะซื้ออาหารทะเลที่ร้านสนองซีฟู้ด ถึงบ้านอำเภอวังเหนือ ไม่ได้รายงานตัวกับ อสม./ผู้นำหมู่บ้าน ในระหว่างที่อยู่บ้านมีการพบเจอญาติ รับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนตรวจพบเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุดนายแพทย์ฉัตรชัย เครือสาร สาธารณสุขอำเภอวังเหนือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้เตรียมพร้อมจุดคัดกรองโรคเชิงรุกที่โรงอาหารภายในโรงเรียนวังเหนือวิทยา มีประชาชน นักเรียน ผู้ปกครอง กว่า 100 คน เดินทางมาตรวจเชื้อโควิด หลังจากเกิดคลัสเตอร์จากหญิงรายนี้ จนส่งผลให้ลูกสาวอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3/2 ของโรงเรียนวังเหนือวิทยา ติดเชื้อ และลามไปยังเพื่อนรุ่นพี่ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4/4 โรงเรียนเดียวกัน ติดเชื้อไปด้วยรวมเป็น 3 รายแรก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่อำเภอวังเหนือ ได้เร่งคัดกรองโรคเชิงรุกกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดทั้งหมด 153 คน พบการแพร่เชื้อต่อไปอีก 7 ราย เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของลูกสาวผู้ป่วย และเพื่อนที่อยู่ในวงเหล้า รวมขณะนี้มีผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์นี้แล้ว 10 ราย และยังมีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอาการ และให้แยกกักตัวอยู่ที่บ้านอีกเกือบ 300 คนแล้ว โดยอำเภอวังเหนือเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ขนาด 40 เตียง ไว้ภายในโรงเรียนวังเหนือวิทยา เพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแล้ว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย