พบสัญญาณดี กำจัดสารเคมีโรงงานหมิงตี้

สมุทรปราการ 8 ก.ค. – อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เตรียมตั้งจุดรับคำร้องจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานโฟมซอยกิ่งแก้ว ขณะที่สถานการณ์ในภาพรวมพบสัญญาณดี หลังเจ้าหน้าที่นำสารเคมีชนิดหนึ่งเข้าไปลดอุณหภูมิในถังเก็บสารเคมี


เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดเข้าตรวจสอบและเก็บกู้สารเคมีไวไฟได้รับสัญญาณที่ดี หลังเมื่อคืนเจ้าหน้าที่ลงมือควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่ และหยุดภารกิจประมาณเที่ยงคืน ด้วยการลำเลียงสารเคมี DEHA เข้าไปในถังบรรจุสารเคมีไวไฟที่อยู่ในถังเก็บขนาดใหญ่ เพื่อให้สารเคมีไวไฟนั้นกลายเป็นสภาพเป็นของเหลวธรรมดาที่ไม่ติดไฟ และเตรียมขนย้ายออกไปกำจัด

เจ้าหน้าที่ผู้คุมการปฏิบัติงานเปิดเผยว่า อุณหภูมิของสารเคมีภายในถังที่เฝ้าระวังอยู่ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ คาดว่าน่าจะเคลียร์พื้นที่ได้ตามแผนที่วางไว้ แต่อาจมีอุปสรรคเล็กน้อย คือ การลำเลียงสาร DEHA เพราะทางเดินมีซากปรักหักพังกีดขวางอยู่


สำหรับภารกิจเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่ลำเลียงสาร DEHA เข้าไปในพื้นที่ ปรากฏว่ามีผู้ได้รับผลกระทบในระบบทางเดินหายใจ 2 คน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุดอาการปลอดภัย

เตรียมตั้งจุดรับคำร้องชาวบ้านที่เดือดร้อน
ส่วนที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.สมุทรปราการ นายอำเภอบางพลี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปภ. และ อบต.บางพลี ร่วมกันหารือแนวทางการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นอยู่ระหว่างหารือ โดยมีรายงานว่าจะตั้งจุดรับคำร้องจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน


สำหรับยอดผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความที่ สภ.บางแก้ว ตั้งแต่วันที่ 5 -7 กรกฎาคม พบว่ามีมากถึง 570 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 251 ล้านบาท ส่วนชาวบ้านที่อาศัยตั้งแต่ซอยกิ่งแก้ว 19-25 ในรัศมี 1 กิโลเมตร ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่


ส่วนที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ซึ่งมีการย้ายผู้ป่วยตั้งแต่วันเกิดเหตุ ล่าสุดเตรียมพร้อมสถานที่ด้วยการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วโรงพยาบาล พร้อมทำความสะอาดจุดต่างๆ โดยเริ่มให้บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนเข้ามาเตรียมพร้อมให้บริการในแผนก, ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง และคลินิกต่างๆ ในโรงพยาบาล หลังจากนี้หากพร้อมให้บริการตามปกติจะทำการแจ้งอีกครั้ง

วสท.เข้าตรวจบ้านที่เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้โรงงาน
เจ้าหน้าที่ระดมวิศวกรอาสาปูพรมตรวจบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโรงงานระเบิด เพื่อสร้างความปลอดภัย ก่อนประชาชนย้ายกลับเข้าอยู่อาศัย

นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำวิศวกรอาสา 25 คน ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ในรัศมี 1 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุ เพื่อจัดโซนนิ่งความปลอดภัย หลังจังหวัดสมุทรปราการ อนุญาตให้ประชาชนบางส่วนสามารถกลับเข้าอยู่อาศัยได้

ส่วนใหญ่พบว่าบ้านเสียหายจากแรงระเบิด จึงต้องได้รับการประเมินความปลอดภัยก่อนที่จะเข้าไปอยู่อาศัย ซึ่งวิศวกรอาสาจะประเมินความเสียหายทางกายภาพ 4 ข้อ ทั้งรอยแตกร้าวหรือความเอียง ตำแหน่งรอยร้าวของเสาและรอยร้าวแนวนอน รอยร้าวบริเวณคอเสาและคาน และเสียงลั่น รวมถึงการตกร่วงของคอนกรีต

ด้านเจ้าของบ้านคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า บ้านตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 1.8 กิโลเมตร รับรู้ถึงแรงระเบิดและต้องอพยพออกมา โดยเพิ่งกลับมาสำรวจบ้านเมื่อวาน และพบว่าเสียหายหลายจุด ทั้งฝ้าหน้าบ้านบริเวณโรงจอดรถ และตัวบ้านโดยมีรอยร้าวหลายจุด ทำให้กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะไม่ทราบว่าแรงระเบิดกระทบถึงโครงสร้างหรือไม่

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เข้าตรวจสอบบริเวณโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด หลังช่วงเย็นวานนี้เจ้าหน้าที่ได้ฉีดพ่นสารออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ เพื่อให้สารสไตรีน โมโนเมอร์ มีสภาพหนืดและติดไฟยากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษจะตรวจสอบทั่วพื้นที่ เพื่อให้แน่ใจว่าสารสไตรีน ทั้งที่อยู่ในถังเก็บและที่หลุดรอดออกมาถูกฉีดพ่นด้วยสารออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์อย่างทั่วถึง เพื่อไม่ให้เกิดไฟปะทุขึ้นมาซ้ำอีก จากนั้นจึงจะพิจารณาวิธีการจัดเก็บหรือเคลื่อนย้าย

สำหรับการตรวจวัดคุณภาพอากาศเป็นวันที่ 3 พบว่าเป็นปกติแล้ว แต่ยังเฝ้าระวังรัศมี 1 กิโลเมตรแรก พร้อมตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าการควบคุมสารเคมีอันตรายในโรงงานหมิงตี้ เคมิคอลว่า พรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะทราบผลสารตัวอย่างที่ส่งไปห้องตรวจทั้งสารสไตรีน โมโนเมอร์, บีโอซี รวมไปถึงคราบน้ำมันว่ามีมากน้อยเพียงใด ส่วนมาตรการควบคุมการระบายน้ำพื้นที่โรงงาน ล่าสุดกรมชลประทานได้ปิดประตูระบายน้ำฝั่งตะวันตกเรียบร้อย ขณะเดียวกันองค์กรท้องถิ่นได้ปิดประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออก เพื่อคุมไม่ให้สารปนเปื้อนลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม สารสไตรีน เป็นสารที่มีความหน่วงเฉพาะน้อยกว่าน้ำ ดังนั้นจะลอยอยู่เหนือน้ำและไม่ผสมกัน รวมถึงเป็นสารที่มีจุดเดือดต่ำ ดังนั้นโอกาสระเหยไปในอากาศจึงมีสูง หากตกค้างในท่อระบายน้ำ คาดว่าภายใน 24-48 ชั่วโมง จะระเหยไป ส่วนค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายก็จะทราบพร้อมกับผลการตรวจดังกล่าวเช่นกัน คาดว่าน่าจะอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]