พบสัญญาณดี กำจัดสารเคมีโรงงานหมิงตี้

สมุทรปราการ 8 ก.ค. – อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เตรียมตั้งจุดรับคำร้องจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานโฟมซอยกิ่งแก้ว ขณะที่สถานการณ์ในภาพรวมพบสัญญาณดี หลังเจ้าหน้าที่นำสารเคมีชนิดหนึ่งเข้าไปลดอุณหภูมิในถังเก็บสารเคมี


เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดเข้าตรวจสอบและเก็บกู้สารเคมีไวไฟได้รับสัญญาณที่ดี หลังเมื่อคืนเจ้าหน้าที่ลงมือควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่ และหยุดภารกิจประมาณเที่ยงคืน ด้วยการลำเลียงสารเคมี DEHA เข้าไปในถังบรรจุสารเคมีไวไฟที่อยู่ในถังเก็บขนาดใหญ่ เพื่อให้สารเคมีไวไฟนั้นกลายเป็นสภาพเป็นของเหลวธรรมดาที่ไม่ติดไฟ และเตรียมขนย้ายออกไปกำจัด

เจ้าหน้าที่ผู้คุมการปฏิบัติงานเปิดเผยว่า อุณหภูมิของสารเคมีภายในถังที่เฝ้าระวังอยู่ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ คาดว่าน่าจะเคลียร์พื้นที่ได้ตามแผนที่วางไว้ แต่อาจมีอุปสรรคเล็กน้อย คือ การลำเลียงสาร DEHA เพราะทางเดินมีซากปรักหักพังกีดขวางอยู่


สำหรับภารกิจเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่ลำเลียงสาร DEHA เข้าไปในพื้นที่ ปรากฏว่ามีผู้ได้รับผลกระทบในระบบทางเดินหายใจ 2 คน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุดอาการปลอดภัย

เตรียมตั้งจุดรับคำร้องชาวบ้านที่เดือดร้อน
ส่วนที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.สมุทรปราการ นายอำเภอบางพลี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปภ. และ อบต.บางพลี ร่วมกันหารือแนวทางการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นอยู่ระหว่างหารือ โดยมีรายงานว่าจะตั้งจุดรับคำร้องจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน


สำหรับยอดผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความที่ สภ.บางแก้ว ตั้งแต่วันที่ 5 -7 กรกฎาคม พบว่ามีมากถึง 570 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 251 ล้านบาท ส่วนชาวบ้านที่อาศัยตั้งแต่ซอยกิ่งแก้ว 19-25 ในรัศมี 1 กิโลเมตร ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่


ส่วนที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ซึ่งมีการย้ายผู้ป่วยตั้งแต่วันเกิดเหตุ ล่าสุดเตรียมพร้อมสถานที่ด้วยการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วโรงพยาบาล พร้อมทำความสะอาดจุดต่างๆ โดยเริ่มให้บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนเข้ามาเตรียมพร้อมให้บริการในแผนก, ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง และคลินิกต่างๆ ในโรงพยาบาล หลังจากนี้หากพร้อมให้บริการตามปกติจะทำการแจ้งอีกครั้ง

วสท.เข้าตรวจบ้านที่เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้โรงงาน
เจ้าหน้าที่ระดมวิศวกรอาสาปูพรมตรวจบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโรงงานระเบิด เพื่อสร้างความปลอดภัย ก่อนประชาชนย้ายกลับเข้าอยู่อาศัย

นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำวิศวกรอาสา 25 คน ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ในรัศมี 1 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุ เพื่อจัดโซนนิ่งความปลอดภัย หลังจังหวัดสมุทรปราการ อนุญาตให้ประชาชนบางส่วนสามารถกลับเข้าอยู่อาศัยได้

ส่วนใหญ่พบว่าบ้านเสียหายจากแรงระเบิด จึงต้องได้รับการประเมินความปลอดภัยก่อนที่จะเข้าไปอยู่อาศัย ซึ่งวิศวกรอาสาจะประเมินความเสียหายทางกายภาพ 4 ข้อ ทั้งรอยแตกร้าวหรือความเอียง ตำแหน่งรอยร้าวของเสาและรอยร้าวแนวนอน รอยร้าวบริเวณคอเสาและคาน และเสียงลั่น รวมถึงการตกร่วงของคอนกรีต

ด้านเจ้าของบ้านคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า บ้านตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 1.8 กิโลเมตร รับรู้ถึงแรงระเบิดและต้องอพยพออกมา โดยเพิ่งกลับมาสำรวจบ้านเมื่อวาน และพบว่าเสียหายหลายจุด ทั้งฝ้าหน้าบ้านบริเวณโรงจอดรถ และตัวบ้านโดยมีรอยร้าวหลายจุด ทำให้กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะไม่ทราบว่าแรงระเบิดกระทบถึงโครงสร้างหรือไม่

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เข้าตรวจสอบบริเวณโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด หลังช่วงเย็นวานนี้เจ้าหน้าที่ได้ฉีดพ่นสารออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ เพื่อให้สารสไตรีน โมโนเมอร์ มีสภาพหนืดและติดไฟยากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษจะตรวจสอบทั่วพื้นที่ เพื่อให้แน่ใจว่าสารสไตรีน ทั้งที่อยู่ในถังเก็บและที่หลุดรอดออกมาถูกฉีดพ่นด้วยสารออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์อย่างทั่วถึง เพื่อไม่ให้เกิดไฟปะทุขึ้นมาซ้ำอีก จากนั้นจึงจะพิจารณาวิธีการจัดเก็บหรือเคลื่อนย้าย

สำหรับการตรวจวัดคุณภาพอากาศเป็นวันที่ 3 พบว่าเป็นปกติแล้ว แต่ยังเฝ้าระวังรัศมี 1 กิโลเมตรแรก พร้อมตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าการควบคุมสารเคมีอันตรายในโรงงานหมิงตี้ เคมิคอลว่า พรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะทราบผลสารตัวอย่างที่ส่งไปห้องตรวจทั้งสารสไตรีน โมโนเมอร์, บีโอซี รวมไปถึงคราบน้ำมันว่ามีมากน้อยเพียงใด ส่วนมาตรการควบคุมการระบายน้ำพื้นที่โรงงาน ล่าสุดกรมชลประทานได้ปิดประตูระบายน้ำฝั่งตะวันตกเรียบร้อย ขณะเดียวกันองค์กรท้องถิ่นได้ปิดประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออก เพื่อคุมไม่ให้สารปนเปื้อนลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม สารสไตรีน เป็นสารที่มีความหน่วงเฉพาะน้อยกว่าน้ำ ดังนั้นจะลอยอยู่เหนือน้ำและไม่ผสมกัน รวมถึงเป็นสารที่มีจุดเดือดต่ำ ดังนั้นโอกาสระเหยไปในอากาศจึงมีสูง หากตกค้างในท่อระบายน้ำ คาดว่าภายใน 24-48 ชั่วโมง จะระเหยไป ส่วนค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายก็จะทราบพร้อมกับผลการตรวจดังกล่าวเช่นกัน คาดว่าน่าจะอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]