BIG STORY : ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ ระบุรัศมี 1 กม.ยังเป็นพื้นที่อันตราย

สมุทรปราการ 7 ก.ค. – ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ แถลงในรัศมี 1 กม.จากที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ ยังเป็นพื้นที่อันตราย และอนุญาตให้ประชาชนที่อาศัยห่างจากโรงงานหมิงตี้ เกินรัศมี 1 กม. กลับเข้าพื้นที่ได้ ขณะที่ชาวบ้านรวมตัวเรียกร้องค่าเสียหายบ้านพัง


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศรอบพื้นที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ทุกชั่วโมง ปรากฏว่าคุณภาพอากาศเป็นปกติแล้ว โดยในรัศมีเกินกว่า 1 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ไม่พบทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก สารอินทรีย์ระเหยง่าย และก๊าซอื่นๆ ที่มีความเข้มข้นเกินมาตรฐานที่กำหนด ส่วนระยะรัศมี 1 กิโลเมตรแรกยังมีเกินเป็นระยะๆ

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษกล่าวต่อว่า ยังไม่ทราบปริมาณสารสไตรีนที่โรงงานเก็บไว้ว่ายังคงหลงเหลืออยู่เท่าไร เพราะการแจ้งปริมาณเก็บสารเคมีอันตราย ทางโรงงานจะแจ้งกับอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ โดยยังคงเป็นห่วงเรื่องการควบคุมไฟที่อาจปะทุขึ้นอีก หากอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์จะทำปฏิกิริยาทำให้สารสไตรีนที่โรงงานเก็บไว้ใต้ดินแข็งตัวและติดไฟยากขึ้น โดยจะประสานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและวางแผนวิธีการปฏิบัติ หากศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดสมุทรปราการพิจารณาเห็นชอบจะเร่งดำเนินการ


อธิบดีกรมควบคุมมลพิษกล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายร่วมผลักดันร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ที่กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขเนื่องจากมีบทบังคับที่ละเอียดครอบคลุมในการป้องกันและเยียวยา โดยเฉพาะการให้โรงงานรับผิดชอบทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ต่อความเสียหายต่อทั้งประชาชนและสิ่งแวดล้อม

ด้านชาวบ้านในหมู่บ้านพาทิโอ ย่านถนนกิ่งแก้ว กว่า 200 คน รวมตัวกันบริเวณสวนหย่อมภายในหมู่บ้าน เพื่อร้องเรียนหลังบ้านพักได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดเหตุไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด โดยมีนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ เจ้าของเพจ “ทนายไพศาลช่วยด้วย” รับเรื่องร้องเรียน และจะเป็นตัวแทนไปเจรจาเรียกร้องความเสียหายจากโรงงานหมิงตี้ และบริษัท เอกชน (พฤกษา) เจ้าของโครงการ ที่ไม่เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาให้ลูกบ้าน จนไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้

ทนายไพศาล ระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านผ่านเพจทนายไพศาลช่วยด้วย ว่าชาวบ้านที่นี่กำลังเดือดร้อนหนัก ไม่สามารถเข้าไปพักอาศัยได้ เพราะหลังคาที่พักในหมู่บ้านกว่า 200 หลังคาเรือน จากทั้งหมดประมาณ 300 หลังคาเรือน ได้รับความเสียหาย ฝ้าถล่ม กระจกประตู หน้าต่างแตก และทางโครงการยังไม่มีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือในเบื้องต้นแต่อย่างใด หลังจากนี้จะไปเจรจากับทางโครงการ รวมไปถึงโรงงานว่าจะเข้ามาชดเชยความเสียหายให้กับชาวบ้านได้อย่างไร


นายอิทธิกานต์ จิตสมบูรณ์ หนึ่งในลูกบ้านที่รับความเสียหาย ระบุว่า พยายามแจ้งเรื่องไปยังนิติบุคคล เพื่อให้โครงการเข้ามาช่วยเหลือแก้ไข โดยเฉพาะหลังคา ในเบื้องต้นแต่โครงการกลับเพิกเฉย ยิ่งเมื่อวานนี้ได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้บ้านพักเสียหายเพิ่มมากขึ้น ฝ้าถล่มลงมา และน้ำท่วมภายในบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม จึงอยากให้ทางโครงการเห็นใจรีบเร่งมาดำเนินการแก้ไขในเบื้องต้นเหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆ ในละแวกนี้ ที่มีการซ่อมแซมในเบื้องต้น พร้อมติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐในการแจ้งความดำเนินคดีให้

ขณะที่นางสาวสุกัลยา บุญยะกา หนึ่งในผู้เสียหาย นำผู้สื่อข่าวสำรวจความเสียหายในบ้านที่พบว่าแรงระเบิดจากโรงงานส่งผลให้หลังคาบ้านพักเปิด ฝ้าถล่ม ประตูหน้าต่างแตกละเอียด พร้อมเผยถึงเหตุการณ์วันที่เกิดการระเบิดว่าแรงสั่นสะเทือนรุนแรงมาก บ้านสั่นทั้งหลัง กลัวว่าเหตุครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของตัวบ้าน อยากให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบ

ผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่ม ปตท. เข้าประเมินและเตรียมเข้าจัดการผสมสารเคมีให้สารไวไฟในโรงงานผลิตโฟม ให้เสื่อมสภาพเป็นของเหลวที่ไม่ติดไฟ เพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้ายไปกำจัด แต่การปฏิบัติการจะต้องตรวจสอบและปรับอุณหภูมิของสารไวไฟที่ตกค้างอยู่ในถังบรรจุให้อยู่ในอุณภูมิที่เหมาะสม ด้วยการใช้รถกระเช้าฉีดโปรยละอองน้ำใส่ถังบรรจุ

นายณัฐธัญ ละอองทอง ผู้จัดการส่วนบริหารภาวะฉุกเฉิน เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญของกลุ่ม ปตท. เข้าประเมินแบบนาทีต่อนาที เพื่อความปลอดภัย โดยจะมีการผสมสารเคมีเข้าไปในถังบรรจุสารไวไฟให้สารเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวที่ไม่ติดไฟ และเมื่อไม่ติดไฟแล้วก็จะมีความปลอดภัยในการทำงาน และจากนั้นหากจะขนย้ายไปทำลายก็จะทำได้

ทางด้านนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ แถลงข่าววันนี้ว่า ในรัศมี 1 กม.จากที่เกิดเหตุ ยังประกาศเป็นพื้นที่อันตราย เจ้าหน้าที่ยังต้องควบคุมอยู่ คือ ถนนกิ่งแก้วฝั่งตะวันตก ตั้งแต่ซอย 19 ถึงซอย 25 ยังไม่อนุญาตให้เจ้าของบ้านพักเข้าพื้นที่ ส่วนถนนกิ่งแก้วจะเปิดการจราจรทั้งสาย ยกเว้นซอย 19 ถึงซอย 25 เป็นพื้นที่ควบคุม ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปในซอย ส่วนผู้มีบ้านพักรัศมีเกินระยะ 1 กิโลเมตร หรือในระยะ 2-5 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ สามารถใช้ชีวิตประกอบอาชีพได้ตามปกติ

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ยังระบุด้วยว่าตอนนี้ปัญหามีอยู่ 2 ส่วน คือ สารเคมีที่ยังอยู่ในถังกว่า 1,600 ลิตร ยังหลงเหลืออยู่กี่ลิตร และที่รั่วไหล่ออกมาถูกเผาไหม้ไปแล้วกี่ลิตร ซึ่งการประชุมได้แยกการดำเนินการเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกจะเข้าไปกำจัดการสารเคมีที่หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งในภาคพื้นดินและในถัง โดยจะใช้สารเคมีเข้าไปเจือปนให้เป็นกลางและก่อให้ติดไฟน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือการเข้าถึงตัวถังสารเคมี ซึ่งตรงนี้ต้องมีการสำรวจให้รอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยสูงสุด ก่อนที่จะให้ผู้ชำนาญการเข้าจัดการกับสารเคมีที่เหลืออยู่ต่อไป

สำหรับประชาชนที่ห่วงใยเรื่องการกลับเข้าสู่ที่พักนั้น หลังจากได้มีการประชุม ซึ่งหลายฝ่ายเห็นว่าสถาณการณ์เริ่มปลอดภัยมากขึ้น แต่ยังมีบางจุดที่ยังเป็นห่วงเรื่องอันตรายและยังอยู่ในพื้นที่ควบคุม แต่จะผ่อนคลายเปิดให้ใช้ถนนกิ่งแก้วทั้งสองฝั่ง และประชาชนที่อยู่ศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับเข้าที่พักและประกอบอาชีพได้ตามปกติ โดยเฉพราะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ถนนกิ่งแก้วฝั่งตะวันออก ซึ่งสามารถเข้าพื้นที่ได้ทั้งหมด แต่ยกเว้นผู้ที่พักอยู่ในซอย 19-25 ที่ยังประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุม โดยจะเปิดให้ใช้ถนนและกลับบ้านพักได้ในเวลา 17.00 น.ที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องของคดี ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้ได้รับบาดเจ็บที่พอจะให้การได้ไปแล้วบางส่วน รวมถึงผู้จัดการโรงงาน และพนักงานที่อยู่ในช่วงเกิดเหตุ แต่ข้อสรุปนั้นยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าตรวจที่เกิดเหตุได้ รวมถึงสถานที่ยังมีความร้อนอยู่ จากนั้นต้องรอผู้ชำนาญการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ชำนาญการจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความผิดของใคร ต้องขึ้นอยู่กับการสอบสวนทุกๆ ด้าน ต้องรอหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้ง

ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการได้จัดกำลังตำรวจออกตรวจตราในพื้นที่รัศมี 1 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ตลอด 24 ชม. จนกว่าจะประกาศเป็นพื้นที่ปลอดภัย ขอให้ประชาชนในพื้นที่ 1 กิโลเมตร ไม่ต้องเป็นห่วง ยังไม่มีเหตุเข้าไปขโมยทรัพย์สินใดๆ หากต้องการรื่องการแจ้งความทรัพย์สินเสียหายจากเหตุไฟไหม้ ทำได้ 2 วิธี คือ ทรัพย์สินที่สามารถประเมินราคาได้ ให้นำเอกสารการประเมินจากช่าง ไปมอบให้ตำรวจได้เลย และถ้ายังประเมินราคาไม่ได้ ให้ไปแจ้งความไว้ก่อนได้เลย แล้วค่อยนำเอกสารการประเมินราคามามอบให้ตำรวจเพิ่มเติมในภายหลังได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

“หัวหน้าอิ๊งค์” เก็บตัวเงียบ ไม่เข้าประชุม สส.เพื่อไทย

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ค.-“หัวหน้าอิ๊งค์” เก็บตัวเงียบ ไม่เข้าประชุม สส.เพื่อไทย ขณะที่ “ภูมิธรรม” เผยนายกฯ เข้มแข็ง เชื่อที่ผ่านมาทำดีสุดแล้ว พร้อมสู้ต่อ ฝากบอก สส. สู้ไปด้วยกัน ขอทุกคนจับมือฝ่าวิกฤติ ลั่นไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ด้าน “วิสุทธิ์” ย้ำ สส. ห้ามขาด ห้ามตาย ป่วยก็ให้อดทนกินยา ป้องกันองค์ประชุมล่ม การประชุม สส.พรรคเพื่อไทยวันนี้ (2 ก.ค.) มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ประธานการประชุม และมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาราชการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมนั่งหัวโต๊ะด้วย ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เดิมทีแจ้งว่าจะเข้าร่วมประชุมด้วย แต่หลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็ได้ยกเลิกภารกิจทั้งหมด รวมถึงยกเลิกการเข้าร่วมประชุม สส. พรรคเพื่อไทยด้วย ด้านนายภูมิธรรม กล่าวในที่ประชุมว่า […]

“ฟิล์ม-ดีเจแมน” ไกล่เกลี่ยได้ ยอมถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท

ศาลอาญา 2 ก.ค. – “ฟิล์ม รัฐภูมิ” จับมือปรับความเข้าใจ “ดีเจแมน” ในศาล ไกล่เกลี่ยกันได้-ยอมถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท แต่คดีแจ้งความที่กองปราบฯ ยังเดินหน้าต่อ วันนี้ (2 ก.ค.68) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ภายหลังการไกล่เกลี่ยกันระหว่างนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม นักร้อง-นักแสดงชื่อดัง ที่เป็นโจทก์ฟ้อง นายพัฒนพล กุญชร หรือ ดีเจแมน เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ในกรณีกล่าวหาว่า นายรัฐภูมิ เรียกเงิน 14 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคดี Forex-3D เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 ฝ่าย ใช้เวลาในการเจรจากันนานเกือบ 3 ชั่วโมง นายฟิล์ม เปิดเผยหลังการเจรจากันว่า อย่างที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าทุกอย่างคุยกันได้ ตนก็พร้อมให้อภัยทุกเรื่อง เพราะที่ฟ้องไม่ได้มีเจตนาอะไร ก็อยากยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด แล้วก็ไม่เคยไปตบทรัพย์ หรือไม่เคยไปทำอะไรที่ไม่ดี ซึ่งในห้องพิจารณาคดีที่ได้มีการคุยกัน […]

รวบเพิ่มอีก 1 แก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงิน 3.4 ล้าน

นนทบุรี 2 ก.ค. – สืบนครบาลบุกรวบเพิ่มอีก 1 คน แก๊ง “เสือปุ่น” ร่วมปล้นเงิน 3.4 ล้านบาท ระหว่างเข้าจับกุมพยายามปีนหลังคาหลบหนี สุดท้ายไม่รอด ตกลงมาบาดเจ็บ เร่งล่าอีก 4 รายที่ยังหลบหนี ภาพขณะตำรวจสืบนครบาล บุกรวบนายนนทวัฒน์ หรือสอง ที่บ้านพักย่านนนทบุรี หลังร่วมแก๊งนายวรวัฒน์ หรือ “เสือปุ่น” คนดังสายคุกในโซเชียล ปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท ในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว โดยนายสอง พยายามหลบหนีด้วยการปีนหลังคาบ้านและตกลงมาถูกเศษกระจกบาดขาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายสอง ส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าก่อน จากนั้นนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.พหลโยธิน โดยมีรายงานข่าวว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะเข้ามาสอบปากคำนายสองด้วยตนเอง สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) 2 คน คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์หรือตัวแทนหลอกซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านเฟซบุ๊ก และ น.ส.นานา ซึ่งอ้างว่าถูกนายหนาวชักชวนมาก่อเหตุ ล่าสุดคือนายสอง ทำให้ยังเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนี […]

“พล.อ.ณัฐพล​” ยัน​ไม่มีสุญญากาศ​ แม้ไร้​ รมว.กลาโหม

กลาโหม 2 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยัน​ไม่มีสุญญากาศ ​แม้ไร้​ รมว.กลาโหม​ เผย​ชายแดนกัมพูชา​มีแนวโน้มดีขึ้น​ หลัง “เตีย​ เซ็ยฮา​” ยอมคุย​เปิดเวที​ GBC​ แต่อยู่ระหว่างต่อรอง​ ย้ำ​คำนึงถึงศักดิ์​ศรีของ​ 2 ประเทศ​ ขอบคุณนายกฯ เชื่อมั่น​ พร้อมระบุ​ กต.​เตรียมรับมือปม “ฮุน มา​เนต” นำ​ 3 ปราสาท​ -​ 1 พื้นที่สู่ศาลโลก พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึง ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา ว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังทรงอยู่ แต่เราได้ใช้กลไกในทุกระดับของกองทัพ ในการประสานงานกับกัมพูชา และพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการพูดคุยแบบทวิภาคี​ สิ่งที่กระทรวงกลาโหมคาดหวัง คือกลไก​ GBC​ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ในขณะเดียวกันระดับรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีการพูดคุย​ ซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้นเล็กน้อย คือทางกัมพูชาเริ่มคุยด้วยจากก่อนหน้านี้ที่ไม่คุยเลย แต่ยอมรับว่ายังมีการต่อรองกันอยู่ ซึ่งฝ่ายไทยยึดถือศักดิ์ศรีของ 2 ประเทศ […]